“กล่องทิพย์” อาหารไทยชาววังเดลิเวอร์รี่เจ้าแรก
อาหารไทยตำหรับชาววังถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า และเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติที่ชาวต่างชิให้การยอมรับทั้งทางด้านของรสชาติ และความประณีตสวยงาม คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากเอกลักษณ์ประจำชาติดังกล่าวนี้จะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
และกระแสอาหารนานาชาติที่พาหรดเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมาก
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย และประธานกรรมการบริหาร กล่องทิพย์ คือ ผู้ที่มีไอเดียสร้างสรรค์ในการเนรมิตอาหารไทยชาววังบรรจุลงกล่องแบบพรีเมี่ยม เพื่อเสริฟรสชาติความอร่อยของอาหารไทยแท้ๆ ในรูปแบบเดลิเวอร์รี่ให้กับผู้บริโภคถึงบ้าน รวมถึงที่ทำงาน และสถานที่ต่างๆ ธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งจึง Startup ขึ้นมาโลดแล่นอยู่บนเวทีการตลาด
จากประสบการณ์ต่อยอดสู่ธุรกิจ
ฐนิวรรณ บอกถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ กล่องทิพย์ ว่า ด้วยความตนเองมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมภัตตาคารไทย รวมถึงอยู่ในวงการร้านอาหารมากว่า 20 ปี ทำให้ได้พบเห็นว่าเวลาที่มีการจัดงานประชุมต่างๆ จะต้องมีการสั่งอาหารมาเพื่อรับรองผู้ร่วมประชุม โดยที่อาหารเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทเบนโตะ หรืออาหารจากชาติอื่น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าอาหารเหล่านั้นถูกทำออกมาให้ดูดี ผู้บริโภคจึงเลือกที่จะสั่งมารับประทานเพื่อรับรองผู้มาประชุม ขณะที่อาหารไทยไม่มีแพคเกจที่ดูโก้เก๋ จึงมักจะถูกมองข้ามไป
ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ที่อยู่ในช่วงอายุไม่ถึง 30 ปีเอง ก็ค่อนข้างที่จะมีความห่างไกลจากอาหารไทย เพราะถูกวัฒนธรรมอาหารจากต่างประเทศที่ตกแต่งให้ดูสวยงาม ดึงดูดความสนใจไปจนหมด แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ส่วนอาหารไทยก็จะถูกยอมรับความพึงพอใจในการซื้อหาเพียงแค่ราคาที่ไม่สูงมาก ด้วยรูปลักษณ์การทำออกมาจำหน่ายที่ไม่ได้เน้นความสวยงามของแพคเกจ และความสะดวกสบายในการรับประทาน ดังนั้น จึงเกิดแนวคิดในการนำอาหารไทยชาววังที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ มานำเสนอให้กับผู้บริโภคภายใต้แพคเกจที่ทันสมัยในรูปแบบกล่อง แต่ภายในแฝงไว้ด้วยรสชาติของอาหารไทยแท้ และความประณีตในการตกแต่งภายใต้แบรนด์ “ กล่องทิพย์
“เราก็เลยจัดไอเดียอาหารไทยชาววังมาบรรจุลงกล่องแพคเกจที่สวยงามแบบของต่างประเทศ (Set box) โดยเสริฟในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคที่เป็นเดลิเวอร์รี่ แต่จะเน้นความเป็นอาหารไทยชาววังที่มีความประณีตใส่ลงไปเป็นกล่องทิพย์ เพื่อให้รุ่นหลังได้รู้ว่าอาหารไทยเราเป็นอย่างไร รวมถึงได้เสพวัฒนธรรมของไทยอย่างแท้จริง เพียงแต่วัฒนธรรมคงไม่สามารถที่จะอยู่ในรูปแบบเดิมได้หมด จะต้องปรับบ้างตามกาลสมัย ซึ่งตอนนี้เราคงไม่สามารถจะบอกทุกคนว่าหากจะกินอาหารจะต้องแต่งชุดไทยนั่งพับเพียบ ด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นก็คือไม่อยากเห็นอาหารไทยขึ้นหิ้ง และต้องกลายเป็นของสูงอย่างเดียว”
ชูความประณีตและรสชาติที่โดดเด่น
หากถามถึงจุดเด่นของกล่องทิพย์ ฐนิวรรณ บอกอย่างภูมิใจว่า อยู่ที่การเป็นอาหารไทยชาววังที่มีการแกะสลักอย่างประณีตมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม โดยนำเสนอมาพร้อมกับรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม เพราะธุรกิจทางด้านอาหารสิ่งที่สำคัญที่จะชนะใจผู้บริโภคได้คือรสชาติความอร่อย ซึ่ง กล่องทิพย์ มีแม่ครัวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารไทยเป็นผู้ดูแล และควบคุมรสชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าแรกที่เปิดให้บริการในรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ ซึ่งผู้บริโภคสามารถสั่งไปรับประทานได้โดยไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำของจำนวนกล่องที่สั่ง
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ กล่องทิพย์ กลุ่มแรกจะเป็นหน่วยงานราชการ ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่เป็นลูกค้า เช่นเดียวกับบริษัทเอกชนที่มีการจัดงานทำบุญเลี้ยงพระ หรือเพื่อรองรับผู้ที่มาร่วมงาน โดยมีแนวคิดว่าหากถวายสิ่งที่ดีเลิศประเสริฐย่อมได้รับสิ่งที่ดีงามกลับมา กล่องทิพย์จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากการประชาสัมพันธ์กันเองของลูกค้าแบบปากต่อปาก อย่างไรก็ดี กล่องทิพย์ยังมุ่งเน้นเรื่องของโภชนาการทางด้านอาหาร ทำให้สามรถเข้าถึงกลุ่มของผู้ที่รักสุขภาพได้อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มของโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการอาหารว่างที่เป็นอาหารแบบไทย แต่เนื่องจากแต่ละโรงแรมคงไม่สามารถที่จะว่าจ้างพ่อครัว หรือแม่ครัวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารว่างแบบไทยได้ทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ กล่องทิพย์ จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการในส่วนดังกล่าวนั้นได้เป็นอย่างดี
“กลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวก็สามารถสั่งกล่องทิพย์ไปรับประทานได้เช่นเดียวกัน เพราะเราไม่จำกัดจำนวนในการสั่งขั้นต่ำ เพียงแค่ยินยอมเสียค่าจัดส่งซึ่งไม่สูงมากเท่านั้น”
สืบทอดวัฒนธรรมอาหารไทย
แม้ว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารไทยชาววัง แต่กลยุทธ์ในการทำตลาดนั้น ฐนิวรรณ ก็เลือกใช้ช่องทางของโซเชี่ยลมีเดียกับออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยม และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ที่สำคัญยังมีต้นทุนที่ไม่สูงมาก แต่มีประสิทธิภาพในการเจ้าตลาด โดยในอนาคตต่อไปร้านค้าส่วนใหญ่อาจจะไม่ต้องมีหน้าร้านแบบออฟไลน์เป็นรูปธรรม เนื่องจากโลกของการตลาดต่อไปจะอยู่บนอากาศ หรือบนอินเตอร์เนต
“ด้วยความที่ กล่องทิพย์ เป็นอาหารไทย ซึ่งลูกค้าบางรายอาจจะนึกไม่ออกว่ามีรูปลักษณ์เป็นอย่างไร หากจะต้องสั่งไปเลี้ยงรับรองเพื่อน หรือผู้ที่เข้ามาร่วมประชุม เราจึงมีหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้มาเห็นรากเหล้าของวัฒนธรรมอาหารไทยอย่างแท้จริงก่อนที่จะตัดสินใจสั่งด้วย”
ส่วนเป้าหมายในอนาคตที่ต้องการให้เป็นจุดสูงสุดของ กล่องทิพย์ ก็คือ การเป็นตัวแทนทางด้านวัฒนธรรมอาหารของประเทศไทย ที่ผู้บริโภคคนไทยนึกถึงเป็นลำดับแรกมากกว่าที่จะเลือกวัฒนธรรมอาหารจากต่างประเทศ เวลาที่ต้องการสั่งอาหารไปรับรองในงานต่างๆทั้งในส่วยที่เป็นมื้อหลัก และอาหารว่าง รวมถึงต้องการให้อาหารไทยได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพื่อเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมของไทย โดยเราไม่กลัวว่าจะมีคู่แข่งมาทำตาม หากธุรกิจของเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่เรามองกลับกันวาคงเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีผู้เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักสืบต่อไป