จั๊บจั๊บ จับนวัตกรรมสู่ก๋วยจั๊บญวณกึ่งสำเร็จรูปสูตรอุบลแท้
นวัตกรรมคือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการทำธุรกิจสมัยใหม่ให้สามารถแข่งขันในตลาดที่ฟาดฟันกันอย่างรุยแรงได้
เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบันต้องการความสะดวกสบายในการชีวิต ผลิตภัณฑ์ใดที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดังกล่าวได้จึงเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค และทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างก้าวกระโดด
ครอบครัว “ อู่สมบัติชัย ” ซึ่งประกอบไปด้วยพี่น้องทั้ง 4 คน ได้แก่ มนัสชญาณ์, วิชชุดา, กนกพร และธรรมรักษ์ อู่สมบัติชัย คือผู้ที่มองเห็นโอกาสในการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอดทางการตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางมากขึ้น แบรนด์ “จั๊บจั๊บ” ก๋วยจั๊บญวนสูตรจังหวัดอุบลราชธานีแท้ๆ จึงได้ Startup ธุรกิจขึ้นมา และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
จับนวัตกรรมใส่ธุรกิจ
มนัสชญาณ์ เป็นตัวแทนของ 4 พี่น้องบอกถึงที่มาที่ไปของธุรกิจว่า เกิดจากการรวมตัวของของน้องๆ ในการเปิดกิจการขายก๋วยจั๊บญวณที่ตลาดใจกลางเมืองอุบลราชธานี ภายใต้ชื่อร้าน “ ดีไลท์88 ” โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมากจากผู้บริโภค เนื่องจากมีจุดเด่นที่รสชาติของก๋วยจั๊บญวณตามแบบฉบับของอุบลแท้ๆ ซึ่งไม่สามารถหารับประทานได้ที่จังหวัดอื่นในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของกั๊วยจั๊บญวณสูตรอุบลฯ แท้ของ 4 พี่น้องยังเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 2 ปี ได้พบว่าอาจารย์จิตรา สิงห์ทอง อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสามารถคิดค้นนวัตกรรมการแปรรูปเส้นก๋วยจั๊บให้เป็นแบบกึ่งสำเร็จรูปได้ โดยนำมารับประทานได้เพียงแค่เติมน้ำร้อนแล้วทิ้งไว้ 5 นาที จากเดิมที่เส้นก๋วยจั๊บต้องใช้ระยะเวลาในการต้มค่อนข้างนาน จึงจุดประกายไอเดียในการนำมาประยุกต์เข้ากับร้านก๋วยจั๊บ
มนัสชญาณ์ บอกต่อไปอีกว่า หลังจากนั้นได้มีโอกาสได้รับการส่งเสริมจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) ตามโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทำให้มีความรู้ และความสามารถในการทำธุรกิจเริ่มต้นมากขึ้น อีกทั้งยังมองเห็นโอกาสทางการตลาดของก๋วยจั๊บญวณกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งยังมีพื้นที่ว่างทางธุรกิจให้พัฒนาได้อีกมาก เรื่องจากยังไม่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาทำธุรกิจดังกล่าวนี้ แบรนด์ “จั๊บจั๊บ” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
คงรสชาติต้นตำหรับสูตรอุบลฯ แท้
สำหรับจุดเด่นของ จั๊บจั๊บ นั้น มนัสชญาณ์ บอกว่า อยู่ที่การนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับก๋วยจั๊บญวนสูตรอุบลแท้ของเรา ที่สามารถทำให้ของสดสามารถแปรรูปกลายเป็นกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทานได้เพียงแค่เติมน้ำร้อน โดยที่ยังคงรสชาติและความสดได้เหมือนรับประทานก๋วยจั๊บญวณที่ร้านไก้ถึงระดับ 90% ที่สำคัญที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก็คือรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่เป็นสูตรเฉพาะของอุบลแท้ๆ ซึ่งน้ำซุปจะมีความแตกต่างจากก๋วยจั๊บญวณที่ขายในเมืองหลวง ที่ต้องการนำเสนอสู่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยสีสันสดใส เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ถือว่ามีกำลังซื้อในระดับหนึ่ง และมีความเหมาะสมกับราคาของสินค้า อีกทั้งยังมีวิธีการรับประทานที่สะดวกสบายคล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยมาพร้อมกับเครื่องเคียงแบบจัดเต็ม ได้แก่ หมูยอ กระเทียมเจียว ต้นหอมซอย และพริกคั่ว ซึ่งบรรจุมาในซองพร้อมเสิร์ฟ เรียกว่าเป็นก๋วยจั๊บญวนกึ่งสำเร็จรูปที่ครบเครื่องอย่างมาก
“ ผลิตภัณฑ์ จั๊บจั๊บ สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 6 เดือน โดยหมูยอ และเส้นก๋วยจั๊บจะเก็บได้นานประมาณ 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากหมูยอเราจะใช้วิธีการ Freeze Dried ทำให้เก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น โดยถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ขณะที่ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ได้ทำการออกแบบให้สามารถนำไปใส่ในไมโครเวฟได้ ทำให้สะดวกสบายในการรับประทาน และยังสามารถพกพาความอร่อยไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ”
เลือกกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง
มนัสชญาณ์ บอกต่ออีกว่า ปัจจุบัน จั๊บจั๊บ มีจำหน่ายอยู่ที่ร้านของฝากในจังหวัดอุบลราชธานี ขอนแก่น และจังหวัดหนองคาย ส่วนที่จังหวัดอุดรธานีจะมีวางจำหน่ายอยู่ที่ร้าน VT แหนมเนือง ขณะที่ในกรุงเทพมหานครจะมีจำหน่ายที่ร้านส้มตำย่านตะวันนา อย่างไรก็ดี ในปี 2560 เราต้องการที่จะขยายช่องทางในการจำหน่าย โดยมุ่งเป้าไปที่การมีสินค้าจำหน่ายทั่วภาคอีสาน พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันกำลังมองหาร้านค้าที่มีศักยภาพในการนำจั๊บจั๊บไปเสริฟ์ถึงมือของผู้บริโภค
“ จั๊บจั๊บ เลือกใช้กลยุทธ์ในการทำตลาดแบบป่าล้อมเมือง โดยจะเริ่มต้นจากการเจาะลูกค้าในแถบภาคอีสานทั้งหมด หลังจากนั้นจึงแผ่ขยายสินค้าเข้าทำตลาดไปยังพื้นที่อื่น และเข้าสู่เมืองหลวงอย่างเป็นขั้นเป็นขั้นตอน ขณะที่อีกหนึ่งช่องทางการทำตลาดที่มองก็คือ การทำตลาดในรูปแบบของออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุดอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ แต่มีราคาต้นทุนที่ต่ำ ”
ด้านแผนการทำตลาดในอนาคตนั้น มองว่าจะนำ จั๊บจั๊บ ขยายเข้าสู่ ท็อปส์ ซุบเปอร์มาเก็ต (Tops super market) ร้านซีเอ็ด (SE-ED) และโมเดิร์นเทรดอีกหลายแห่ง โดยที่เราต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น เนื่องจากกำลังการผลิตของเรายังไม่เพียงพอ ดังนั้น เพื่อให้ จั๊บจั๊บ มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพ ยั่งยืน เราจึงเลือกดำเนินการในแนวทางดังกล่าวนี้
มนัสชญาณ์ กล่าวปิดท้ายอย่างน่าสนใจว่า ในอนาคตเราต้องการสร้างแบรนด์ จั๊บจั๊บ ให้กลายเป็นเหมือนกับมาม่า หรือหมี่โคราช ซึ่งหากเวลาที่ผู้บริโภคนึกถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็จะคิดถึงชื่อมาม่าเป็นลำดับแรก เช่นเดียวกับเวลาที่ผู้บริโภคนึกถึงหมี่โคราช โดยเราอยากให้ จั๊บจั๊บ เป็นชื่อที่ผู้บริโภคนึกถึงเวลาที่ต้องการรับประทานก๋วยจั๊บญวณสูตรต้นตำรับจากเมืองอุบล โดยเชื่อว่าจะสามารถนำพา จั๊บจั๊บ ไปสู่จุดหมายปลายทางดังกล่าวนี้ได้ ด้วยแนวทางของการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป และสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง.