SWEET VANILLA MILK CAFE’ คาเฟ่ขนมแฮนด์เมดในราคาที่เข้าถึงได้
การมีธุรกิจเป็นของตัวเองคือความฝันของใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถเดินไปสู่ปลายทางแห่งฝันได้สำเร็จ บางคนก็มาได้เพียงครึ่งทางและต้องเลิกล้มไปกลางคัน
ขณะที่บางคนอาจจะมัวแต่นั่งคิดโดยไม่ได้ลงมือทำ แต่ไม่ใช่กับ เกศสิรินทร์ กุหลาบสวัสดิ์ เจ้าของธุรกิจร้านขนม “ Sweet vanilla milk cafe’ ” ที่กล้าคิด และกล้าทำจนสามารถ Startup ธุรกิจเป็นของตัวเองได้
จากความชอบสู่ธุรกิจ
เกศสิรินทร์ บอกถึงที่มาที่ไปของธุรกิจว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบดื่มกาแฟ และชอบหาร้านกาแฟเพื่อเข้าไปนั่งหามุมสงบทำงานอยู่เป็นประจำ จึงเกิดแนวคิดในการเปิดร้านกาแฟเป็นของตนเอง เพื่อให้ได้เป็นที่นั่งพักผ่อนคลายอารมณ์จากความเครียด หรือความเหนื่อยล้า และเป็นสถานที่ทำงานให้กับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศการทำงานที่ไม่ใช่ออฟฟิต มีกาแฟเสริฟ์ และมีขนมรสชาติอร่อยไว้คอยบริการ ประจวบเหมาะกับที่เริ่มอิ่มตัวจากการทำงานประจำ และช่วงเวลานั้นมีพื้นที่ว่างอยู่พอดี เลยทดลองทำดู เมื่อเห็นว่าใช่ทางที่ตัวเองต้องการก็ไม่ลังเลที่จะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาทำธุรกิจร้านกาแฟเต็มตัว
ในช่วงเริ่มต้นที่ร้านจะมุ่งเน้นไปที่เครื่องดื่มประเภทกาแฟอย่างเดียว แต่พอทำไปสักระยะหนึ่งได้มีการเปิดร้านในรูปแบบสาขาของตัวเอง เป็นร้านที่ใหญ่ขึ้น จึงเริ่มมีขนมและสินค้าอย่างอื่นเข้ามาจำหน่ายควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มมีการบริหารร้านไปได้ระดับหนึ่ง ทำให้เห็นว่ามีร้านกาแฟเปิดอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งหากเปิดร้านด้วยการมีคอนเซ็ปป์เป็นร้านกาแฟ อาจจะไม่สามารถสู้กับเจ้าใหญ่ที่แบรนด์ติดตลาดอยู่แล้วได้ Sweet vanilla milk cafe’ จึงปรับกลยุทธ์ทางการตลาดไปสู่การเป็นร้านขนมแบบเต็มตัวโดยมีเครื่องดื่มประเภทกาแฟ ชา และเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ขายคู่ไปด้วย
สูตรขนมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปป์ของร้านโดยใช้ขนมเป็นตัวชูโรงเรียกลูกค้า เกศสิรินทร์จึงต้องพยายามค้นคว้าหาสูตรขนมที่จะมาตอบโจทย์ของผู้บริโภค โดยเลือกใช้วิธีการศึกษาด้วยตนเองจากห้องสมุดขนาดใหญ่บนโลกของอินเตอร์เนต และใช้ยุทธวิธีให้คนใกล้ชิดเป็นผู้บอกผลลัพธ์รสชาติของขนมที่ทำออกมา หลังจากนั้นจึงนำมาปรับให้เป็นสูตรขนมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ได้ลิ้มลองรสชาติของขนมจนมียอดขายมากกว่ากาแฟได้
สำหรับจุดเด่นของขนมที่ร้าน Sweet vanilla milk cafe’ นั้น เกศสิรินทร์ภูมิใจนำเสนอว่า มาจากการคัดสรรวัตถุดิบเป็นอย่างดี ความตั้งใจในการปรุงรส ทำให้มีรสชาติที่ถูกปาก แต่มีราคาที่สมเหตุสมผล ผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัยสามารถเข้าถึงได้ ที่สำคัญมีเมนูให้เลือกอย่าหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแพนเค้กช็อกลาวา, วาฟเฟิลราดซอสมะม่วง และฮอกไกโด โทสต์ (Hokkaido toast) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นคนที่ขวนขวายหาความรู้ใหม่ใส่ตัวอยู่เสมอ และคิดถึงลูกค้าเป็นสำคัญ จึงได้มีการต่อยอดเมนูขนมเพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดกับเมนูยอดฮิตอย่างบิงซู (Bingsu) ก็เป็นสูตรที่คิดขึ้นมาเอง และผลิตเอง
“ บิงซูของที่ร้านจะทำจากวัตถุดิบที่เป็นนมสดแท้ ไม่ใช่นมผงในการทำ เพราะนมผงจะให้รสชาติที่ไม่อร่อยเท่า อีกทั้งที่ร้านเองก็ต้องใช้วัตถุดิบประเภทนมอยู่แล้ว การนำไปเป็นส่วนผสมหลักในบิงซูจึงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อนำมาผสมผสานกับรสชาติการปรุงซึ่งเป็นสูตรจากทางร้าน ทำให้ได้บิงซูที่รสชาติโดดเด่นไม่แพ้ใคร อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากนมสดแท้แบบเต็มๆ ”
เล็งขยายธุรกิจสู่แฟรนไชน์
เกศสิรินทร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบัน Sweet vanilla milk cafe’ มีเปิดให้บริการอยู่ 3 สาขา ได้แก่ 1.สาขาโลตัสพลัสมอลล์ บางใหญ่ ,2.สาขามหาวิทยาลัยเกษตร บางเขน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 3.สาขาถนนราชพฤษ์ ตลาดดอกลำเจียก โดยในอนาคตมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบของแฟรนไชน์ เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจรูปแบบธุรกิจของร้านได้เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างขั้นตอนของการเตรียมงานทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการภายในร้าน สูตรขนม การขนส่งสินค้า โดยเราไม่ต้องการให้เป็นการขายชื่อเสียงไปอย่างเดียว แต่ทุกอย่างจะต้องมีคุณภาพเหมือนกับได้มารับประทานที่ร้านต้นตำหรับ
“ เมื่อเริ่มมีการขยายเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า ทำให้เราต้องมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น และทำให้รู้ว่าเรามีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจต่อไปได้อีก จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการทำแฟรนไชน์ แต่ด้วยความที่โลกของธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เราจะต้องตอบลูกค้าให้ได้ว่าจะคืนทุนภายในเมื่อไหร่ สูตรขนมจะต้องเหมือนกันทุกร้านไม่ผิดเพี๊ยน การบริหารจัดการต้องเป็นระบบ ทุกอย่างจะต้องสามารถควบคุมได้ เราเลยต้องใช้เวลาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนของปีนี้จะเริ่มรับสมัครแฟรนไชน์ พร้อมทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ และน่าจะมีสาขาที่เป็นแฟรนไชน์เปิดให้บริการได้ประมาณปี 2561”
เกสสิรินทร์ กล่าวปิดท้ายอย่างน่าสนใจว่า ไม่ได้ต้องการให้ธุรกิจเติบโตไปแบบก้าวกระโดด แต่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ เพราะอาจจะทำให้ร้าน Sweet vanilla milk cafe’ เกิดความบกพร่อง และทำให้เสียโอกาสทางการค้าได้ในอนาคต ดังนั้น จึงเน้นการขยายธุรกิจในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไปตามการศักยภาพที่มี เพื่อให้เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน เราเองสามารถอยู่ได้ ร้านที่เป็นแฟรนไชน์ก็ต้องสามารถอยู่ได้ด้วย เรียกว่าเป็นการเติบโตไปด้วยกัน หรือดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยส่งเสริมธุรกิจต่อกัน.