“ร้านน้องกวินทร์” งานไม้หัตถกรรมคุณภาพ
รากฐานทางธุรกิจที่ดีถือเป็นแต้มต่อที่ดีในการต่อยอดธุรกิจให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ด้วยไอเดียของคนรุ่นใหม่กับแนวทางการทำตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค และการแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่ดุเดือด
“ร้านน้องกวินทร์” เป็นอีกร้านหนึ่งที่สร้างธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นแม่ เพื่อจำหน่ายงานเกี่ยวกับหัตถกรรม ซึ่งปัจจุบันได้ถูกสืบทอดโดย “ตระกาณตา ภุมรา” ที่ต่อยอดธุรกิจและขยายตลาดให้แผ่ขยายมากยิ่งขึ้น ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ
จากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก
ตระกาณตา ในฐานะเจ้าของร้านน้องกวิน (Ka-win shop) ผู้ผลิตและจำหน่ายงานไม้หัตถกรรมของใช้ในครัวเรือน และในรูปแบบต่างๆ บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นธุรกิจ ว่า สืบเนื่องจากคุณแม่สุพัฒน์ ภุมรา ได้ค้าขายงานหัตถกรรม ผลิต กัน เป็นกลุ่ม เริ่มต้นประมาณปี พ.ศ. 2536 ได้ตั้งกลุ่มผลิตสินค้างานหัตถกรรมงานไม้ งานฝีมือ ชาวบ้าน ในชุมชน ขึ้นมาขายส่งไม่มีหน้าร้าน นำสินค้าขึ้นมาขายส่งให้ตามร้านค้าต่างๆ ที่ตลาดนัดจตุจักร โดยการเปิดท้ายขายส่งทุกๆวันเสาร์
อีกทั้งได้ส่งสินค้าคัดสรรดาว Otop และผ่านการคัดสรรดาวระดับ 5 ดาว มีการออกงานแสดงสินค้าขายของตามงานโอท๊อปทั้งเมืองทองและตามภูมิภาคต่างๆ เรื่อยมาธุรกิจดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2560 ตนจึงได้สานต่อและขยายกิจการ ก่อตั้งร้านน้องกวินท์ขึ้นมา โดยจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกวินท์หัตถศิลป์งานไม้แปรรูป และมีหน้าร้าน ขายส่งและปลีกที่ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 20 ซอย5/4
ทั้งนี้ กลยุทธ์การทำตลาดในระยะต่อไปเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้นั้น จะมุ่งเน้นที่ตลาดส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการงานประเภทดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังมีช่องทางสามารถเข้าไปทำตลาดได้ จากเดิมที่ร้านมีลูกค้าอยู่แล้วทั้งที่ประเทศญีปุ่น ,เกาหลี ,สหรัฐอเมริกา ,เยอรมัน , จีน,ไต้หวัน ,สิงคโปร์ และมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังจะทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มความน่าสนใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ที่ทันยุคทันสมัย เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ซึ่งการทำตลาดบนช่องทางดังกล่าวนี้ จะช่วยทำให้ร้านเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความนิยมจับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์บนโลกออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย และที่สำคัญยังช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติได้อีกด้วย
“ปัจจุบันร้านน้องกวินทร์มีการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ,อินสตราแกรม (IG) ,เว็บไซด์ และไลน์ โดยทุกช่องทางยังสามารถเพิ่มเติมประสิทธิภาพการทำตลาดได้อีกมาก เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าขายของทางร้าน”
เน้นรูปแบบการขายส่ง
ตระกาณตา บอกต่อไปอีกว่า ร้านยังทำธุรกิจในรูปแบบของการรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปสร้างแบรนด์ของตนเองอีกด้วย โดยเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับร้านที่เป็นอย่างดี ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายหน้าร้านเองที่ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 20 ซอย5/4 ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับร้าน เพราะเป็นตลาดซึ่งเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมจากกลุ่มชาวต่างชาติ และคนไทย โดยร้านจะมีการพัฒนารูปแบบร้านให้มีความน่าสนใจ และดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาภายในร้าน เพื่อเชื่อมต่อไปถึงการซื้อผลิตภัณฑ์ต่อไป
อย่างไรก็ดี ร้านจะเน้นจำหน่านในรูปแบบของการส่งมากกว่า โดยปัจจุบันก็มีการส่งผลิตภัณฑ์ให้กับห้างแมคโคร และโรบินสัน ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศก็จะเป็นการซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง
ส่วนการตั้งเป้ารายได้ปีนี้ของร้าน จะเป็นการพยายามรักษาระดับรายได้ให้ได้เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากภาวะของเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก ทำให้รายได้ของร้านหายไปพอสมควร อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องของเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่นิ่ง โดยส่งผลกระทบต่อชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในไทย ทำให้โอกกาสในการจำหน่ายหายไปพอสมควร
“ลูกค้าจากต่างประเทศค่อนข้างมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการร์ทางด้านการเมืองของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการติดต่อเข้ามาสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้งก่อนที่จะเดินทาง โดยปัญหาเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวยังไม่ส่งผลกระทบต่อร้านมากนัก แต่ปัญหาที่สำคัญคือเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก และเสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมมั่นของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ”
ตอบสนองความต้องการลูกค้า
ตระกาณตา บอกอีกว่า จุดเด่นหรือข้อแตกต่างของผลิตภัณฑ์จากร้านน้องกวินทร์นั้น อยู่ที่การปรับเปลี่ยนรูปทรงในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา รวมถึงปรับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับยุคสมัยและความต้องการของลูกค้า และการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจุดเด่น แม้จะมีความต่างเพียงเล็กน้อย แต่สามารถตอบสนองความต้องการหรือสร้างความพึงพอใจของลูกค้าได้ เช่น การใช้งานง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน หรือความทนทาน และความสวยงามและคุณภาพสินค้าเป็นหลักสำคัญ
“ผลิตภัณฑ์ของร้านจะมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาปรับสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย และความต้องการของลูกค้าการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ซึ่งจะช่วยเพิ่มจุดเด่น แม้จะมีความต่างเพียงเล็กน้อย แต่สามารถตอบสนองความต้องการหรือสร้างความพึงพอใจของลูกค้าได้ เช่น การใช้งานง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน หรือความทนทาน และความสวยงามและคุณภาพสินค้าเป็นหลัก ที่สำคัญคือร้านจะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ของร้านต้องใช้งานได้จริง ปลอดภัย ดังนั้นการเคลือบของร้านจึงเลือกใช้ bee wax เคลือบไม้แทนการใช้ paraffin หรือ Lacquer เหมือนเจ้าอื่นตามท้องตลาด”
ตระกาณตา ปิดท้ายว่า การใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์จากร้านน้องกวินท์เป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติเช่น จีน ,เกาหลี ,ใต้หวัน ,ฮ่องกง ,มาเลเซีย ,สิงค์โปร ,ฟิลิปินส์ ,เยอรมัน ,สวิสแลนด์ รวมไปถึงประเทศที่ส่งออกสินค้ายากที่สุดเช่น ญี่ปุ่น และอเมริกา โดยผลิตภัณฑ์ของร้านผ่านการตรวจสอบสามารถนำเข้า สินค้างานหัตกรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน