“กมลวรรณ” ของดีของอร่อยเมืองแม่กลอง

ขนมไทยถือเป็นมนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะมีสูตรการทำขนมที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นขนมชนิดเดียวกัน หรือแม้กระทั่งขนมประจำท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ อำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงครามเองก็มีขนมขึ้นชื่ออยู่มากมายให้ได้เลือกลิ้มลองรสชาติ
แบรนด์ “กมลวรรณ” ถือเป็นหนึ่งแบรนด์ขนมไทยของอำเภอแม่กลองที่ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นของคุณกมลรัตน์ รัตนกุล ซึ่งได้มีการพัฒนารูปแบบการจำหน่าย รวมถึงเพิ่มชนิดของขนมไทยให้มีมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
จากรุ่นสู่รุ่น
กมลรัตน์ เจ้าของธุรกิจขนมไทยแบรนด์ “กมลวรรณ” บอกถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ว่า กิจการเริ่มต้นจากบิดามารดาของตน ซึ่งทำขนมไทย เช่น ขนมต้ม ขนมมัน ข้าวเหนียวตัด ขนมเทียน จำหน่ายทั่วไป ต่อมาปี2553 ตนได้เข้ามารับช่วงคิดการต่อเช่าแผงบริเวณตลาดธนวัฑ ซึ่งป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตลาดแม่กลอง โดยเริ่มทำขนมไทยให้หลากหลายมากขึ้นรวมถึงทำข้าวเหนียวมะม่วงชื่อว่าข้าวเหนียวกลมวรรณ ปัจจุบันเป็นร้านจำหน่ายข้าวเหนียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม

ในส่วนของการทำขนมอื่น มีทั้งขนมไทย และเบเกอรี่เปลี่ยนตามวิถีชีวิตการทานขนมของคนไทยในปัจุบัน โดยเริ่มทำขนมตามเทศกาล เช่น ปืใหม่ ,ตรุษจีน ,สารทจีน ,ขนมทำบุญต่างๆเพิ่ม โดยที่กิจการมีแผนจะขยายการผลิตสินค้าเพิ่มเดิมเน้นขายปลีกวางแผนขยายกลุ่มขายส่งเพิ่ม ปัจจุบันมีการจำหน่ายขนมใน 2 ลักษณะคือ ผลิตเองประมาณ60% และรับมาจำหน่ายอีกประมาณ40%ของรายได้ทั้งหมด
สำหรับผลิตภัรฑ์มีมากกว่า 30 ชนิด เทศกาลปีใหม่ เช่น ขนมเค้ก คุ๊กกี้ ขมปัง ฯลฯเทศกาลตรุบจีน เช่น ขนมเข่ง ,ขนมเทีขน ,ขนมต้มไส้ต่างๆ เทศกาสารทจีน เช่น ขนมข่ง ขนมเทียน เทศกาลทำบุญต่างๆ เช่น ข้าวเหนียวแดง ,ข้าวหนียวแก้ว ฯลฯ ส่วนขนมที่จำหน่ายทุกวันเช่น ข้าวหนียวมะม่วงมะม่วงกะทิสดขนมแห้ง ขนมปัง กรอบอัลลัวถั่วตัดกล้วยทอด ฯลฯ
ต่อยอดสู่ธุรกิจแฟรนไชน์
กมลรัตน์ บอกอีกว่า กำลังดำเนินการสร้างร้านต้นแบบรูปแบบใหม่ที่มีความทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถกระจายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มวัยรุ่นที่มากขึ้น จากเดิมที่ร้านจัดจำหน่ายขนมจะเป็นรูปแบบเดิมที่ทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นของพ่อและแม่ ซึ่งร้านต้นแบบดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ที่จังหวัดสมุทรสงคราม
เมื่อร้านต้นแบบแล้วเสร็จ และมีการวางระบบอย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นการปูพื้นฐานไปสู่การทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชน์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม โดยคาดว่าประมาณปี 63 น่าจะเริ่มดำเนินการได้
อย่างไรก็ดี แบรนด์ยังจะขยายธุรกิจไปสู่การทำขนมในรูปแบบของอาหารว่าง หรือเบรคที่ให้บริการตามงานประชุม หรืองานสัมมนา เพื่อเป็นการต่อยอด โดยมองเห็นว่าในปัจจุบันรีสอร์ท หรือโฮมสเตย์ในจังหวัดสมุทรสงครามมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ แบรนด์ยังจะดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยประสบการณ์ในการผลิตและจำหน่ายขนมมาเป็นเวลานาน ทำให้รู้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมจะต้องซื้อช่วงเวลาใด เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการในผลิต ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนในรูปแบบของกำไรที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแบรนด์จะต้องผลิตขนมเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การซื้อวัตถุดิบในแต่ละครั้งจึงต้องซื้อครั้งละมากๆ หากเลือกซื้อได้ถูกที่ถูกเวลาก็จะช่วยได้มาก
กมลรัตน์ บอกว่า แบรนด์มีชื่อเสียงทางด้านการทำข้าวเหนียวมูน เพราะฉะนั้นจึงต้องซื้อข้าวเหนียวดิบเป็นจำนวนมาก โดยจากการทำธุรกิจทางด้านขนมซึ่งจะต้องมีการใช้แป้งข้าวเหนียวด้วย เมื่อราคาแป้งข้าวเหนียวปรับขึ้นราคา นั่นก็หมายความว่าราคาของข้าวเหนียวดิบก็จะปรับขึ้นราคาด้วยในเวลาถัดมา หากเราสามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดในการบริหารจัดการต้นทุนก็จะช่วยทำให้มีกำไรมากขึ้น
รายได้เพิ่ม 30%
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังจะดำเนินการเรื่องการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น สำหรับช่องทางการจำหน่ายในปัจจุบันชองแบรนด์อยู่ที่ หน้าร้านที่ตลาดแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ขณะที่หากเป็นขนมตามเทศกาล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน จะมีการจำหน่ายผ่านท็อปมาร์เกต (Tops Market) และช่องทางออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ และเว็บไซด์
จากการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ยอดรายได้ของแบรนด์เพิ่มขึ้นประมาณ 30% หรือมีรายได้ประมาณ 6 ล้านบาทภายในปีนี้ และจะขยับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-10% ในปี 63 ด้านจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์กมลวรรณอยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตขนม โดยคิดเสมอว่าหากเรารับประทานอย่างไร ผู้บริโภคก็จะต้องรับประทานแบบนั้น
“ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากได้แก่ ข้าวเหนียวมูน ซึ่งจะใช้แบรนด์กมลวรรณข้าวเหนียวยอดกตัญญู โดยนอกจากจะจำหน่ายเองแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายอื่นที่รับข้าวเหนียวของแบรนด์ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ,ข้าวเนียวถั่วดำ และข้าวเหนียวขนุน เป็นต้น โดยแบรนด์จะมีข้าวเหนียวมูนจำหน่ายตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังมีขนมไทยประเภทต่างๆทั้งที่ผลิตเองและที่สั่งเข้ามาจำหน่าย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับแบรนด์”
กมลวรรณ บอกปิดท้ายว่า การทำธุรกิจอาหารสิ่งสำคัญก็คือรสชาติที่อร่อย ที่มาพร้อมกับความปลอดภัยของผู้บริโภค เราจะต้องพยายามเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค และผู้บริโภคต้องอยู่ในใจของเรา