“พฤกษ” วุ้นสอดไส้ผลไม้สร้างสรรค์อย่างลงตัว
ธุรกิจที่ดีที่สุดควรจะเกิดจากความชอบ หรือรักในสิ่งนั้น เพราะจะเป็นเสมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้อยากจะทำงาน หรือพัฒนาธุรกิจให้ดีมากยิ่งขึ้นจากความสุขที่เกิดจากการทำธุรกิจ “ภัค เรืองกิจรัตนกุล” คือ ผู้ที่สร้างธุรกิจจากความชอบส่วนตัว โดยนำมาผสมผสานกับไอเดียความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นธุรกิจวุ้นสอดไส้ผลไม้ภายใต้แบรนด์ “พฤกษ์” และ Startup ธุรกิจขึ้น
–ธุรกิจที่ชอบ
ภัค เจ้าของธุรกิจวุ้นสอดไส้ผลไม้แบรนด์ “พฤกษ์” ย้อนวันเวลากลับไปเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ ว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ตัวเธอเองเป็นคนที่ชื่นชอบการรับประทานขนมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย เบเกอร์รี่ และขนมแบบถุง โดยมีความฝันต้องการมีขนมในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งโอกาสนั้นได้มาถึงเมื่อตัวเธอมีโอกาสเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อไปบ้านคุณป้าซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขนมอยู่แล้วทุกรูปแบบ ทำให้เธอได้เห็นขนมที่เรียกกันว่า “วุ้น” แต่เป็นรูปแบบที่สอดไส้ไว้ด้านใน โดยมีความรู้สึกว่าเป็นขนมที่สวย และดูเก๋ ประกายไอเดียในการทำธุรกิจของเธอจึงเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
หลังจากนั้นตัวเธอจึงเข้าไปปรึกษากับคุณแม่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำอาหาร เกี่ยวกับแนวความคิดว่าที่จะทำวุ้น เพื่อดูว่าจะสามารถสอดไส้อะไรลงไปในวุ้นได้บ้าง จนสุดท้ายก็ตกผลึกว่าน่าจะเป็นผลไม้ โดยที่รูปแบบของวุ้นจะเป็นแบบที่มีสีขาว ซึ่งเป็นวุ่นกะทิใบเตย และตัววุ้นใสสำหรับโชว์ไส้ที่อยู่ด้านใน จากจุดเริมต้นจนถึงปัจจุบันในระยะเวลา 3 ปี วุ้นสอดไส้ผลไม้แบรนด์ “พฤกษ์” มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 รสชาติ
สำหรับทั้ง 9 รสชาตินั้น ประกอบไปด้วย 1.วุ้นมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งจะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้แบบสดๆที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใส่ลงไป, 2.วุ้นซาหริ่มมะพร้าวอ่อน, 3.วุ้นลอดช่องเผือก, 4.วุ้นขนุน, 5.วุ้นธัญพืช, 6.วุ้นฝอยทอง ซึ่งจะเลือกฝอยทองสูตรโบราณ ไร้กลิ่นคาวไข่มาเป็นไส้, 7.วุ้นเผือก, 8.วุ้นเผือก และ9.วุ้นมันม่วงออแกนิก ขณะที่ในช่วงแต่ละเทศกาลก็จะมีการนำเสนอรสชาติใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ
–รูปลักษณ์สวยงามหอมกะทิใบเตย
ภัค บอกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “พฤกษ์” ลำดับแรกอยู่ที่หน้าตา หรือรูปลักษณ์ของวุ้นที่แตกต่างจากร้านทั่วไปในรูปทรงของดอกไม้สวยงาม จนกลายเป็นที่จดจำของลูกค้า รวมไปถึงเรื่องของรสชาติที่จะไม่หวานมาก โดยมีวัตถุดิบที่ถูกเลือกสรรมาเป็นอย่างดีจากธรรมชาติ ไม่มีการใส่สารกันเสีย หรือกันบูด และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของกะทิใบเตย ซึ่งให้กลิ่นที่หอมตั้งแต่ตอนที่เปิดกล่อง
“แบรนด์ พฤกษ์ ถือเป็นไอเดียธุรกิจที่ตั้งใจให้เป็นวุ้นสอดไส้ โดยมีเอกลักษณ์ด้านวัตถุดิบที่ใช้ คือ จะเน้นการเลือกวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ โดยผลไม้ที่นำมาทำเป็นไส้จะคัดสรรจากสวนมาเป็นอย่างดี เพื่อรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์เอาไว้ ในด้านการปรุงรสชาติยังไม่ทำให้หวานมากเกินไป จะใช้ความหวานจากผลไม้ และไม่ใส่สารกันบูด จึงทำให้ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค ส่วนที่มาของชื่อแบรนด์ พฤกษ์ มาจากหน้าตาของผลิตภัณฑ์ เพราะทำเป็นรูปดอกไม้ที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามและมีความประณีต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน”
–ขยายเข้าห้างสรรพสินค้า
ด้านช่องทางการทำตลาดนั้น เนื่องจากเราเริ่มจากการเป็นธุรกิจเล็กๆที่ทำขายจากภายในบ้าน หรือภายในครอบครัว จึงใช้ช่องทางของอินสตราแกรม (Instargram : IG) รวมถึงเฟสบุ๊ก (Facebook) และไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำตลาดมาได้ 2-3 ปีลูกค้าก็มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเสียงเรียกร้องให้เปิดบูธ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ไกลได้มีโอกาสรับประทานบ้าง เพราะบางรายเริ่มเกิดความรู้สึกเสียดายค่าจัดส่ง ดังนั้น ล่าสุดเราจึงได้ขยายการทำตลาดด้วยการเปิดบูธจำหน่ายสินค้าอยู่ที่ด้าหน้าท็อปซุบเปอร์มาร์เก็ต (Tops Supermarket) ที่สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 และที่เซ็นทรัลชิดลม โดยตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ 3 สาขาภายในปี 2561
“เราเริ่มออกงานอีเว้นท์ในช่วงของการทำธุรกิจได้ประมาณปีที่ 2 หลังจากนั้นจึงเริ่มขยายกลุ่มลูกค้าเข้าสู่การจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าในช่วงปลายที่ที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นจากห้างสรรพสินค้าโรบินสันแห่งหนึ่ง แต่พบว่าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจึงดำเนินการปรับเปลี่ยนมาสู่การจำหน่ายหน้าท็อปฯในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในที่สุด ขณะที่ในส่วนของช่องทางออนไลน์ก็ยังคงมีการทำตลาด และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
จากกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้เชื่อว่าจะทำให้มีรายได้อยู่ที่ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท หรือประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่ตามปกติในช่วงเทศกาลจะมีรายได้ต่อเดือนที่ประมาณ 1 แสนบาท แต่ช่วงเวลาปกติรายได้จะหดหายไปประมาณ 40-50% ซึ่งจากกลยุทธ์ในการออกงานอีเว้นท์ และการขยายสาขาเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าจะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่วงที่รายได้หดหายไปได้
–เล็งขยายฐานลูกค้า
ภัค บอกต่อไปอีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ “พฤกษ์” คือกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป แต่ทั้งทั้งนั้นเชื่อว่าคนไทยต่างก็รู้จักวุ้นเป็นอย่างดี ดังนั้น เราจึงต้องการขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่วัยกลางคนให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะพัฒนารสชาติให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เช่นล่าสุดที่ได้มีการออกรสชาติมันม่วงออกแกนิก เป็นต้น ซึ่งทุกรสชาติจะเป็นแบบหวานน้อยอยู่แล้ว สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย
ส่วนกุญแจที่ไขประตูไปสู่ความสำเร็จนั้น ภัค บอกว่า ด้วยความที่ในตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่จะกลายเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ โดยคิดเพียงว่าอยากลองทำเพื่อดูว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ซึ่งระหว่างทางก็ได้พบเจอกับปัญหา และอุปสรรค เพราะฉะนั้น จึงต้องใช้ความอดทน และใส่ใจกับงานเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ช่วยนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ.