พัชทรี ทัวร์ จับริสแบนด์ฝัง GPS ยกระดับท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับประเทศไทย ด้วยความได้เปรียบทางด้านของภูมิประเทศ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก และค่าใช้จ่ายระหว่างการท่อเที่ยวที่ไม่สูงมากจนเกินไป ทำให้ประเทศไทยเปรียบเสมือนเป็นสวรรค์สำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการเข้ามาสัมผัส
อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยรักษาระดับความน่าสนใจของประเทศไทยให้ยังคงอยู่ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา ไชยา ระพือพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชทรี ทัวร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดภูเก็ต ได้มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล จนนำไปสู่ที่มาของการนำเทคโนโลยีสายรัดข้อมือ หรือ ริสแบนด์ (Wristband) ฝังชิพระบบ GPS มาใช้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
–ใช้ Wristband เพิ่มความปลอดภัย
ไชยา เล่าถึงที่มาที่ไปให้ฟังว่า จากการที่ตนเองเป็นผู้ประกอบการการซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ในการบริหาร ท่าเทียบเรืออ่าวปอ ที่จังหวัดภูเก็ต จึงเกิดไอเดียแนวคิดในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วยการนำร่องใช้ ริสแบนด์ ที่ฝังชิพติดตามตัว หรือ GPS พ่วงไปกับประกันชีวิตที่มีวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวสวมใส่ไว้ที่ข้อมือ โดยเชื่อว่าจะช่วยสร้างเสริมความเชื่อมั่น และที่สำคัญยังเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวภูเก็ตให้มีมาตรฐานในระดับสูงสุด
“ นี่เป็นครั้งแรกของภาคธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีการนำระบบดังกล่าวมาใช้ โดยมองว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเราจะมีการกำหนดให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาใช้บริการท่าเทียบเรืออ่าวปอต้องสวมริสแบนด์ที่มีระบบ GPS ไว้ด้วย เพื่อทำให้สามารถที่จะรู้ตำแหน่งของนักท่องเที่ยวแต่ละราย ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญหาย หรือพลัดหลงได้ หากเกิดกรณีดังกล่าวก็จะสามรถเข้าช่วยเหลือได้รวดเร็ว ”
สำหรับ ริสแบนด์ดังกล่าวนี้นั้น จะจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาไม่เกิน 40 บาท พร้อมมีประกันชีวิตคุ้มครองในวงเงิน 1 ล้านบาท โดยมีการตั้งงบลงทุนเบื้องต้นทั้งซื้ออุปกรณ์ และวางระบบประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งการทำงานของริสแบนด์จะเชื่อมต่อกับระบบไว-ไฟ (WIFI) ทำให้สามรถรับรู้ตำแหน่งของผู้สวมใส่ได้โดยรอบรัศมี 18 ไมล์ทะเลจากใจกลางภูเก็ต
ทั้งนี้ จะมีบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT รับหน้าที่วางระบบ รวมถึงได้รับการสนับสนุนโครงการอย่างดีจากภาครัฐภูเก็ต ขณะที่ด้านของประกันชีวิตได้ร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตรายหนึ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งหมด และคาดว่าจะเริ่มให้บริการจริงได้ในช่วงต้นปี พ.ศ.2561 เพื่อรับรองนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนภูเก็ตในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
–สร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย
ไชยา บอกต่อไปอีกว่า เป้าหมายในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวนี้ในภาพรวมนั้น ต้องการให้จังหวัดภูเก็ตเป็นต้นแบบการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มายกระดับความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และในอนาคตต้องการผลักดันให้ใช้ระบบดังกล่าวนี้ตั้งแต่จุดตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้นไปอีก โดยหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จเชื่อว่าจะเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวยุคใหม่กระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งจะก่อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวไทยทั้งระบบได้ในอนาคต
“ การท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสูงโดยเฉพาะด้านความปลอดภัยจะเป็นหัวใจในการเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวภูเก็ต ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างถูกทิศทาง และในท้ายที่สุดแล้วประโยชน์สูงสุดก็จะส่งผลไปยังประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ”
-ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สร้างธุรกิจยั่งยืน
ไชยา กล่าวต่ออีกว่า ตนเองเกือบต้องยุติบทบาทบนเส้นทางธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวไปแล้วเมื่อปี 2547 เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากถูกคลื่นยักษ์ “สึนามิ” ที่ชัดถล่มจังหวัดภูเก็ต โดยสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจจนทำให้เรือโดยสารท่องเที่ยวทะเลของบริษัทฯที่มีอยู่ 2 ลำจนเหลือให้ใช้งานได้เพียงลำเดียวเท่านั้น แต่ด้วยการสนับสนุนเงินทุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. (SME Development Bank) ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่มุ่งคุณภาพมากกว่าปริมาณ
อีกทั้งมั่นใจว่าการท่องเที่ยวภูเก็ตมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอุบัติเหตุชั่วคราว จึงอนุมัติสินเชื่อให้มูลค่า 495,000 บาท สำหรับเป็นทุนฟื้นฟูธุรกิจ ควบคู่กับช่วยพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จน 6 เดือนให้หลังจากนั้น ธุรกิจจึงสามารถกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง และเติบโตเรื่อยมา จนปัจจุบันมีพนักงานกว่า 200 ชีวิต และยังเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจต่อเนื่องอีกมากมาย
“ จากแนวคิดในการทำธุรกิจที่คิดถึงส่วนรวมมาก่อนส่วนตัวเสมอ อีกทั้งยังมุ่งมั่นทำธุรกิจท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นทางด้านงานบริการที่ยอดเยี่ยม เน้นท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด ผลักดันให้บริษัทเป็นที่ไว้วางใจจากคนในพื้นที่ และลูกค้าภายนอกไม่ว่าจะเป็นชาวไทย และชาวต่างประเทศจนก้าวไปสู่ผู้ให้บริการท่องเที่ยวชั้นนำของภูเก็ต ”