กลุ่มดอกไม้แห้งจากธรรมชาติ ไอเดียสร้างสรรค์สร้างรายได้
กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ นับว่าเป็นจุดหมายแรกที่หลายคนตั้งความหวังที่จะเข้ามาขุดทอง เพื่อหารายได้ไปใช้ในการดำรงชีวิต และส่งต่อให้กับครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด แต่ความฝันสูงสุดลึกๆในใจของคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคือการได้กลับมาทำงานยังบ้านเกิดของตนเอง เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวี่วัน
จุรีพร เจริญสมบัติ คือหญิงสาวคนหนึ่งที่เลือกจะหันหลังให้กับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง และมุ่งหน้าสู่บ้านสู่บ้านเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมุ่งหวังใช้เป็นฐานทัพในการสร้างงาน สร้างธุรกิจให้กับตนเอง จนนำไปสู่การนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ครอบครัวได้อย่างงดงาม และได้ก่อตั้งเป็น “กลุ่มดอกไม้แห้งจากธรรมชาติ”
จากเมืองหลวงสู่บ้านเกิด
จุรีพร ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน “กลุ่มดอกไม้แห้งจากธรรมชาติ” เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของกลุ่มฯ ให้ฟังว่า แต่ก่อนเธอเองก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป แต่เมื่อทำงานไปได้สักระยะเวลาหนึ่งจึงเกิดความคิดที่จะกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด โดยเริ่มมองหาอาชีพเสริมเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัว และได้ไปพบเห็นใบไม้ ใบหญ้า หรือวัสดุจากธรรมชาติที่มีอยู่มากมาย ซึ่งตนเองได้นึกถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่สามารถประดิษฐ์ดอกไม้จากวัสดุจากธรรมชาติได้
ทั้งนี้ จึงได้น้อมนำแนวคิดดังกล่าวมาดัดแปลงโดยการนำใบไม้ในพื้นที่ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้บ้าง เพื่อใช้ประดับในครัวเรือน หลังจากที่ประดิษฐ์จนมีความเชี่ยวชาญ และได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยตามที่ใจต้องการแล้วจึงเริ่มนำผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายที่ตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพฯ แม้รายได้ในช่วงแรกจะไม่สวยหรูมากนัก โดยได้เป็นหลักร้อยบาท แต่หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค รายได้จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนจากโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป (OTOP) ให้จัดตั้งเป็น “กลุ่มดอกไม้จากธรรมชาติ” ในปี พ.ศ. 2537
จากธรรมชาติสู่ผลิตภัณฑ์
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้น จุรีพร บอกว่าอยู่ที่การนำวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติมาใช้ประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามแปลกตาในแบบของธรรมชาติประดิษฐ์ โดยไม่มีการใช้ผ้า หรือวัสดุสังเคราะห์มาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งการประดิษฐ์จะทำเลียนแบบดอกไม้จากธรรมชาติให้ใกล้เคียงที่สุด ส่งผลทำให้เป็นถูกใจของผู้บริโภคทั้งชาวไทย และโดยเฉพาะชาวต่างประเทศที่ส่วนใหญ่จะชื่นชอบงานฝีมือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยวัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วย ฝักประดู่ เมล็ดประดู่ ดอกสะแกนา เมล็ดกาแฟ ดอกข้าวโพด ใบลาน ดอกหญ้า ซึ่งจะถูกนำมาประดิษฐ์เป็นดอกชบาดอย และดอกกุหลาบบนดอย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันทางกลุ่มฯได้มีการต่อยอด และเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะไม่ยึดติดอยู่กับรูปแบบของการประดิษฐ์เป็นดอกไม้ หรือทำเป็นช่ออย่างเดิม แต่จะทำเป็นรูปแบบของดอกอโรม่าที่มีน้ำหอมเสริมเข้าไปด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้นำไปวางไว้ที่ออฟฟิต บ้าน หรือโรงแรม ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุธรรมชาติกับน้ำหอมอโรม่า เพื่อทำให้เกิดกลิ่น อีกทั้งยังแตกไลน์ไปสู่การทำนาฬิกาจากวัสดุธรรมชาติ โดยจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้มีความหลากหลายมากขึ้นสำหรับลูกค้า
ด้านกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้จะดำเนินการเรื่องของการออกงานแสดงสินค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปแสดงให้กับผู้บริโภคได้สัมผัส และสร้างความเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากเดิมที่จะจำหน่ายอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร และจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับไปจำหน่ายประมาณ 5-6 ร้าน รวมถึงขายส่งให้กับร้านไทวัสดุ ร้านดอยคำสาขาจังหวัดกาญจนบุรี ศูนย์แสดงสินค้าโอทอป และออกงานแสดงสินค้าที่ศูนย์พัฒนาชุมชนให้การสนับสนุน
ขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าที่ประเทศฝรั่งเศส โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ จากเดิมที่มีการทำตลาดในประเทศจีน อินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมาร์ โดยเป็นการดำเนินการในรูปแบของการรับออเดอร์จากลูกค้าในแต่ละประเทศและส่งไปจำหน่าย
กระจายรายได้สู่ชุมชน
จุรีพร บอกต่ออีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้กลุ่มฯมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาทในปี 2560 โดยเป็นระดับที่ทรงตัวจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ขณะที่ภาพของธุรกิจในอนาคตนั้น ต้องการสร้างเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัดให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดการกระจารายได้ไปสู่ชุมชน โดยการส่งวัตถุดิบจากธรรมชาติมาให้กลุ่ม
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนอย่างมากในการทำให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ สามารถพัฒนาต่อยอด และขยายตลาดไปได้อย่างกว้างขวาง ทั้งการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และการพาไปออกงานแสดงสินค้า เช่น ตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม เป็นต้น ทำให้ได้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น”