VISA ผลิตภัณฑ์หนังแท้เติมนวัตกรรมหนังปลานิลเจ้าแรกในไทย
จากคำพูดของมารดาคำหนึ่งที่ว่า “ทำไมไปอุดหนุนของคนอื่น เหตุใดไม่อุดหนุนของตัวเอง” ได้จุดประกายไอเดียในการ Startup ธุรกิจให้กับวันวิสาข์ โกมารกุล ณ นคร บัณฑิตสาวดีกรีโฆษณาประชาสัมพันธ์
จนปัจจุบันได้กลายเป็นเจ้าของร้าน “วันวิสาข์ แอนด์ มัม” ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเป๋า และรองเท้าสุภาพสตรีจากหนังแท้แบรนด์ “วิสา” (Visa) ที่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบงานดีไซน์
จากคำพูด”แม่”สู่ธุรกิจ
วันวิสาข์ เล่าย้อนกลับไปเมื่อวันวานก่อนเริ่มต้นธุรกิจว่า หลังจากที่เรียนจบสาขาโฆษณาประชาสัมพันธ์จากมหาวิทยาลัย ก็คิดว่าอยากจะพักผ่อนประมาณ 2-3 เดือนก่อนยังไม่คิดที่จะหางานทำอย่างจริงจัง โดยช่วงนั้นก็จะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนให้กับเพื่อนคนหนึ่งเพื่อช่วยเลือกกระเป๋า และรองเท้าสำหรับไปสมัครงาน ซึ่งแม่ก็เห็นและรับรู้มาโดยตลอดจนวันหนึ่งได้หลุดคำพูดที่ทำให้ได้ฉุกคิดถึงแนวทางการทำธุรกิจเป็นของตัวเองขึ้นมา เพราะเห็นด้วยกับคำของแม่ว่าเราจะไปอุดหนุนสินค้าของคนอื่นอยู่ทำไม
ทั้งนี้ ด้วยความที่เป็นคนที่คิดเร็วทำเร็ว วันรุ่งขึ้นก็สามารถหาร้านที่ผลิต เพื่อรับสินค้ามาขายได้เลยทันที เนื่องจากตามปกติตนเองเป็นคนที่ชอบซื้อรองเท้าอยู่แล้ว โดยทำธุรกิจในรูปแบบของการซื้อมาขายไปอยู่ประมาณ 2-3 เดือนจึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างธุรกิจเป็นของตนเองอย่างเต็มรูปแบบด้วยการเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย จึงเริ่มออกแบบและทำผลิตภัณฑ์จากหนังแท้ออกมาจำหน่าย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสาวออฟฟิต และกลุ่มคนทำงาน ซึ่งทำเลการตั้งร้านก็จะเป็นออฟฟิตทั่วไป แบรนด์ “Visa” จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยตั้งชื่อร้าน “วันวิสาข์ แอนด์ มัม” เพราะร้านเกิดขึ้นได้เพราะมีแม่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ จนทำธุรกิจมาได้ 3 ปีจึงสร้างโรงงานเล็กๆขึ้นมาเพื่อรองรับการผลิต
อย่างไรก็ดี เมื่อทำธุรกิจมาได้สักระยะได้รู้ว่ามีเพื่อนที่ทำธุรกิจปลาป่นส่งออก และมีหนังปลานิลที่เหลือใช้ไม่ได้ทำประโยชน์อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเกิดไอเดียในการนำปลาดังกล่าวมาฟอก เพื่อนำมาขึ้นรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทกระเป๋า และรองเท้า โดยถือว่าเป็นร้านแรกที่สามารถทำผลิตภัณฑ์หนังปลานิลได้ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์โอท็อป (OTOP) และทำมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
ปรับกลยุทธ์สู่ออนไลน์
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้นั้น วันวิสาข์ ยอมรับว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซบเซาในปัจจุบันทำให้ในปี 2560 ทางร้านจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดไปดำเนินการในรูปแบบเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่จะเดินเข้ามาที่ร้าน (Walk in) เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หลักพันบาทขึ้นไปมีจำนวนที่น้อยลง แม้ว่าจะมีลูกค้าที่เพิ่มเข้ามาจากการแนะนำแบบปากต่อปากตามคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็ตาม
กลยุทธ์ที่จะใช้หลักจะเป็นการมุ่งเน้นการเข้าหาลูกค้าในกลุ่มของออนไลน์มากขึ้นทั้งบนช่องทางของเฟสบุ๊ก และอิสตราแกรม เนื่องจากมองว่าวิถีชีวิตของผู้บริโภคส่วนใหญ่มากกว่า 50% นิยมมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อตนเองบนโลกออนไลน์ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่สามรถเข้าถึงกลุ่มลุกค้าได้อย่างตรงจุด และมีต้นทุนที่ไม่สูงมากแต่มีประสิทธิภาพในระดับสูง นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการเรื่องของการออกบูธแสดงสินค้าในทำเลพื้นที่ออฟฟิตในกรุงเทพมหานคร และจัดทำโปรโมชั่นเพิ่มดึงดูดความสนใจจากลูกค้า จากเดิมที่ร้านจะมีแค่สาขาในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น
สยายปีกออกต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ยังได้มีความพยายามที่จะขยายตลาดออกไปสู่ต่างประเทศ โดยล่าสุดได้มีการออกงานเพื่อจับคู่ธุรกิจเพื่อหาคู่ค้า (Business Matching) ในประเทศเมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อเป็นการศึกษาตลาด และความเป็นไปได้ในการเข้าไปทำตลาด ซึ่งเท่าที่ได้สัมผัสอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวัสดุในการผลิตไปสู่การใช้หนัง PVC เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าในประเทศเมียนมาร์ที่จะมีการแบ่งกลุ่มอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มระดับสูงที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ และกลุ่มระดับล่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์แบบทั่วไป
“ล่าสุดทางฝ่ายจัดซื้อจากเมียนมาร์ได้มีการส่งแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการมาให้เรา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยมุ่งเน้นไปในรูปแบบของแฟชั่น ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา และหาข้อสรุปที่เหมาะสมมากที่สุด”
นอกจากนี้ ยังได้มีการออกบูธแสดงสินค้าที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน เพื่อสำรวจกระแสตอบรับจากลูกค้า เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ประเทศรองเท้าและส่งมาขายในประเทศไทย ดังนั้น แนวทางที่เป็นไปได้อาจจะต้องมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไปยังร้านเครื่องหนังของจีน เพื่อวางจำหน่ายในรูปแบบของพันธมิตรทางการค้า โดยนำจุดเด่นเรื่องของผลิตภัณฑ์จากหนังปลานิลที่ทางร้านเป็นผู้ผลิตเจ้าเดียวในประเทศไทยเป็นปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาถึงความเป็นไปได้
“จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวในประเทศเชื่อว่าจะทำให้ทางร้านมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาทในปีนี้ โดยเป็นการรักษาระดับรายได้ให้ทรงตัวจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากสามารถขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นภายในปีนี้ หรือต้นปีหน้าก็น่าจะให้รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ดังกล่าว”
ดีไซน์โดนใจด้วยหนังแท้
วันวิสาข์ บอกต่อไปว่า จุดเด่นที่สำคัญของแบรนด์ “Visa” อยู่ที่เรื่องของการดีไซน์ที่จะเป็นการออกแบบด้วยตนเอง และมีส้นรองเท้าที่ทำจากไม้แท้ ซึ่งจะถูกมากลึงให้ได้รูปที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นงานที่ทำจากหนังแท้ พร้อมมีหนังจากปลานิลเพิ่มให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง และการรับผลิตตามออเดอร์ของลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการรายอื่นส่วนใหญ่จะไม่รับทำ เนื่องจากจะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และจะมีความคาดหวังจากลูกค้าที่สูง