LUXURY หมอนโรงแรม 6 ดาวคุณภาพสูงโดนใจผู้บริโภค
จากเด็กเกเรที่เรียนจบมาแบบธรรมดาไม่ได้มีเกรดเฉลี่ยเลิศหรู ทำงานเข้าออกอยู่หลายแห่ง เคยแม้กระทั่งถูกไล่ออกจากความผิดที่ไม่สามารถอุทรณ์ได้จากความคิดชั่ววูบ
และที่พีคสุดๆคือการคิดสั้นขับรถลงจากสะพานสาทรช่วงกลางดึกโดยหลับตาทั้ง 2 ข้าง ปล่อยให้รถแล่นไปบนถนนตามยถากรรม โดยอธิษฐานในใจว่าหากผู้มีอำนาจกำหนดชะตาชีวิตมนุษย์อยากให้ตนเองไม่มีชีวิตอยู่บนโลกก็คงจะหมดเวลาเพียงเท่านี้ แต่หากต้องการให้อยู่ต่อไปก็จะต้องอยู่อย่างยิ่งใหญ่ ปรากฏว่าสัญญาณไฟจราจรเป็นไฟเขียวผ่านตลอดดั่งปาฏิหาริย์
เมื่อโชคชะตากำหนดให้ต้องอยู่สู้ต่อไป คมศานต์ จิวากานนท์ จึงมีแรงฮึดในการคิดหาหนทางในการสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว จนเส้นทางสายอาชีพได้นำพาให้มารู้จักกับรุ่นพี่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายหมอน และได้ให้โอกาสในการนำสินค้ามาจำหน่ายโดยให้เครดิตมาก่อน จุดเริ่มต้นของการกำเนิดแบรนด์ “Luxury” หมอนโรมแรม 6 ดาวจึงเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
จากวิกฤติสู่โอกาส
คมศานต์ ที่ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักษณ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมอนโรงแรม 6 ดาว แบรนด์ “Luxury” เล่าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอของการจุดประกายไอเดียของการทำธุรกิจให้ฟังว่า หลังจากที่ตนเองรอดชีวิตมาแบบโชคชะตากำหนดต้องให้อยู่ต่อไปแล้ว จึงเริ่มกลับไปสมัครงานตามบริษัทเหมือนดั่งวิถีชีวิตปกติที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่จากฐานเงินเดือนที่ได้รับทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถจะช่วยให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ จึงตัดสินใจไม่ทำงานประจำที่บริษัทแห่งนั้น
อย่างไรก็ดี จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่เส้นทางธุรกิจได้เข้ามาสู่ชีวิตจากการแนะนำของเพื่อนให้ได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับหมอน และเปิดโอกาสให้ตนรับหมอนไปขายได้โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินค่าของ โดยตอนนั้นมีทุนที่ค่อนข้างจำกัด จึงเลือกทำเลขายที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อไม่ให้ทับเส้นทางการขายกับรุ่นพี่ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การออกบูธจำหน่ายที่งานแฟร์ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเพิ่มเติมคุณสมบัติของทำเลด้วยการเลือกสถานที่ที่ไม่มีรถประจำทางผ่าน โดยมองว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีฐานะเข้ามาใช้บริการ ปรากฏว่าวันแรกที่ขายมีกำไรได้ถึง 3,000 บาท
“ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำเล ตนได้มีการสำรวจตลาดอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นปริมาณรถ รวมถึงพฤติกรรมการเดินเข้า เดินออกในการเข้ามาใช้บริการ โดยเลือกขายที่คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนั้นอยู่ 2 เดือน จึงตัดสินใจเลือกที่จะออกมาเป็นผู้ผลิตหมอนเพื่อจำหน่ายด้วยตนเอง จากการมองเห็นช่องทาง และโอกาสทางการตลาด”
เข้าสู่เส้นทางธุรกิจ
คมศานต์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อตัดสินใจจะเป็นผู้ผลิตหมอนด้วยตนเองแล้ว ก็เริ่มเดินหน้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสถานที่ผลิต ช่องทางการจำหน่าย ราคาขายตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งด้วยความที่เคยเป็นหัวหน้าเซลล์มาก่อนสมัยทำงานประจำ จึงขอความร่วมมือจากลูกน้องให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับแผนกเครื่องนอนมาให้ทั้งหมด เพื่อนำมาประเมินว่าจะวางการตลาดไปในแนวทางใด โดยเมื่อข้อมูลทุกอย่างพร้อมจึงตัดสินใจนำรถยนต์ไปจำนำทั้งที่ยังผ่อนชำระไม่หมด เพื่อให้ได้เงินทุนมาก้อนหนึ่งก้อน ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปที่โรงงานผลิตหมอน และสั่งผลิต ซึ่งมีโจทย์ว่าวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นเส้นใย ผ้าหุ้ม ปลอกหมอน ชื่อแบรนด์จะต้องแตกต่างจากของที่เคยรับมาจำหน่าย แบรนด์ “LUXURY หมอนโรงแรม 6 ดาว” จึง Startup อย่างเป็นรูปธรรม โดยยังยึดทำเลคอมมูนิตี้มอลล์เป็นหลัก ก่อนขยับขายไปสู่ใต้ตึกออฟฟิตต่างๆ
นอกจากสินค้าจะแตกต่างแล้ว เรื่องของราคา Luxury ก็ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนด้วยราคาจำหน่ายที่สูงกว่าเกือบ 1 เท่าตัวหรือ 1 เท่าครึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นการจำหน่ายในตลาดเดียวกัน แต่ปัญหาที่ตามมาหลังจากที่ Luxury ได้รับความนิยมก็คือ สินค้าลอกเลียนแบบที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ต้องตัดสินปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดอีกครั้ง โดยหันมาเลือกใช้วัตถุดิบเส้นใยทำหมอนที่โรงงานไม่นิยมนำมาทำ เนื่องจากมีราคาแพง รวมถึงเกิดความสูญเสียได้ง่าย และการผลิตแต่ละวันได้ปริมาณหมอนน้อยมาก
เมื่อตัดสินใจเรื่องเส้นใยที่ใช้ได้แล้ว โรงงานที่ผลิตก็จะต้องลงทุนสร้างด้วยตนเองเช่นเดียวกัน ขณะที่ในส่วนของเครื่องจักรก็ร่วมกันคิด และสร้างขึ้นเองกับพ่อตา เพราะเส้นใยไมโครคิ้ม (Micro Climp)จะต้องใช้การกำหนดลมในการขึ้นรูปว่าจะให้ฟู หรือแบนขนาดไหน โดยครั้งนี้มีการจดลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง ซึ่งการทำตลาดช่วงแรกผู้บริโภคก็ยังไม่มีความเข้าใจว่าไมโครคิ้มคืออะไร และดีอย่างไร แต่หลังจากได้พิสูจน์ก็เริ่มมีคนรู้จัก และมีฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพิ่มลูกค้าในประเทศพร้อมขยายออก ตปท.
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดปี 2560 นั้น คมศานต์บอกว่า จะขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าที่มาเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชน โดยดำเนินการผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ เนื่องจากมองว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ แบะมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งยังขยายจุดจำหน่ายไปยังพื้นที่ใต้ตึกของคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงระดับสูง ซึ่งมุ่งหวังให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง โดยที่ลูกค้ามีโอกาสได้ทดลองสินค้าจริงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และสามารถนำมาปรับเปลี่ยนได้หากยังไม่ได้หมอนใบที่ต้องการ
พร้อมกันนี้ยังเพิ่มการให้บริการด้วยรูปแบบของเดลิเวอร์รี่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งอาจจะไม่สามารถเดินทางมาดูสินค้าจริงที่จุดจำหน่ายได้ โดยยังคงจุดแข็งของแบรนด์เรื่องของการปรับเปลี่ยนหมอนได้ทุกจุดจำหน่ายหากหมอนรุ่นที่ซื้อไปไม่ตอบโจทย์ตามความต้องการ ด้านการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการเซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท ไท้ ไฮ เจียง (ไชน่า) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดเครื่องนอนยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน เพื่อเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสินค้า Luxury ในประเทศจีน ผ่านแบรนด์ “Luxury Natural Latex”
“จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 230 ล้านบาท ขณะที่ความร่วมมือในการนำผลิตภัณฑ์ Luxury ไปจำหน่ายในประเทศจีนนั้น คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี โดยมีเป้าหมายในการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายประมาณ 10 ล้านใบ”