OKUSNO สแนคแนวใหม่
ตัวเลขของอายุไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกความสำเร็จในการทำธุรกิจ แต่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ต่างหากที่เป็นเสมือนบันไดเชื่อมต่อไปสู่ความสำเร็จ “แพร” พิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์ ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท โอคุสโน่ ฟู้ด จำกัด
เจ้าของธุรกิจคางกุ้งทอดอบกรอบ แบรนด์ Okusno ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอายุน้อยก็สามารถสร้างรายได้หลัก 50 ล้านบาทให้กับตัวเอง และครอบครัวได้ด้วยวัยเพียง 27 ปี
จากความสงสัยสู่ธุรกิจ
พิมพ์มาดา บอกถึงที่มาที่ไปให้ฟังว่า เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ตอนที่อายุประมาณ 23-24 ปีจากความช่างสงสัย โดยเหตุเกิดบนโต๊ะอาหารเมื่อเห็นว่าส่วนหัวของกุ้งมักจะถูกแกะทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์อยู่เสมอ จึงเกิดไอเดียในการนำส่วนดังกล่าวของกุ้งมาทำเป็นผลิตภัณฑ์สร้างธุรกิจเป็นของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จ และได้ประดิษฐ์คำที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ว่า คางกุ้ง เนื่องจากยังไม่มีผู้ใดที่เคยระบุเอาไว้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาเป็นขนมคางกุ้งอบกรอบอย่างที่เห็น พิมพ์มาดาได้ผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ทำทุกกรรมวิธีทั้งนึ่ง ทอด อบ ย่าง จนตกผลึกทางความคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทอด หลังจากนั้นจึงเริ่มทดลองตลาดโดยการนำไปฝากขายขายตามร้านคาเฟ่ ให้ทดลองชิม ทำแพ็กเกจให้น่าสนใจ และอาศัยเสียงตอบรับจากผู้ที่ได้ชิม เพื่อนำคำติชมมาพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ทั้งเรื่องรสชาติ และการเก็บรักษา
“ ใช่ว่าธุรกิจจะถูกโรยไปด้วยกลับกุหลาบ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ของเราค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับตลาด ผู้บริโภคไม่รู้จักว่าคืออะไร เราจึงต้องใช้วิธีเจาะตลาดกับผู้บริโภคโดยตรงให้ได้ชิม ได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเราก็นำความคิดเห็นเหล่านั้นกลับมาปรับปรุง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด”
ก้าวทีละก้าวอย่างก้าวกระโดด
พิมพ์มาดา บอกว่า ในช่วงปีแรกที่ทำตลาดส่วนใหญ่จะจำหน่ายอยู่ที่เดอะมอลล์ ท็อป และเน้นการออกบูธทั้งปี โดยส่วนหนึ่งที่ต้องเน้นออกบูธเพราะยังไม่เป็นที่รู้จัก โดยยอดขายปีแรกอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนปีที่ 2 ซึ่งคือปี 59 สามารถผลักดันสินค้าให้เข้ามาจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นได้เพิ่มเติม แต่จะมีจำหน่ายเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล และการออกบูธเฉพาะงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะงาน Thaiflex ทำให้ได้ลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ Okusno ขยายฐานลูกค้าได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
สำหรับในปีที่ 2 ของการทำธุรกิจถือว่า Okusno เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนปี 60 ตั้งเป้าที่จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท จากการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าไปสู่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ และนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปที่มีศักยภาพของหัวเมืองต่างๆ และการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ โดยวางเป้าหมายไว้ในกลุ่มประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม หรือกลุ่มมุสลิม เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก และ Okusno ก็มีตราสัญลักษณ์ฮาลาลทำให้สามารถเข้าไปทำตลาดได้โดยง่าย โดยจากกลยุทธ์ดังกล่าวเหล่านี้เชื่อว่าจะนำพาธุรกิจไปสู่เป้าหมายรายได้ที่ต้องการได้
“กลยุทธ์ที่ใช้ในการขยายตลาดประเทศนั้น จะเน้นการหาพันธมิตรร่วมธุรกิจในการเข้าไปทำตลาด เนื่องจากจะมีความเชี่ยวชาญในด้านการทำตลาดในพื้นที่มากกว่า โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการหารือถึงความเป็นไปได้ และแนวทางที่จะใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม แต่ยังไม่ได้มีการตกลงที่จะทำตลาดร่วมกับพลาสเนอร์รายใด”
ซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ
สำหรับจุดเด่นของ Okusno นั้น พิมพ์มาดา บอกว่าอยู่ที่ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า โดยเราจะใส่ใจทุกกระบวนการผลิตเหมือนกับทำรับประทานเองที่บ้านความซื้อสัตย์ เรียกว่าผู้บริโภคต้องได้สิ่งที่ดีเหมือนกัน หรือแม้แต่ซัพพายเออร์เองก็ต้องมีความชื่อสัตย์กันทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น หากมีส่วนไหนที่สกปรกเราจะทำความสะอาดเสมอ ขณะที่น้ำมันที่ใช้ทอดก็จะมีการเปลี่ยนใหม่ทุกวันไม่นำมาใช้ซ้ำ เพราะเราจะให้ความสำคัญกับความสะอาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็นประเภทของอาหาร
“สิ่งที่เราคิดอยู่เสมอก็คือ หากเราทานแบบไหนผู้บริโภคก็จะต้องได้รับไปแบบนั้น เหมือนเป็นขนมที่ออกมาจากครัวหลังบ้าน หรือกระทะหลังบ้าน ที่เราทำเองมีความสะอาดอย่างไร เราก็ต้องทำออกไปให้มีความสะอาดแบบนั้น เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่ผู้บริโภคกังวลในเรื่องของอาหารก็คือความสะอาด เราจึงเน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ”
เพิ่มรสชาติขยายตลาดต่างประเทศ
พิมพ์มาดา บอกอีกว่า ปัจจุบัน Okusno มีจำหน่ายอยู่ 3 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสต้มยำ และรสแกงเขียวหวาน โดยรสชาติดั้งเดิม และต้มยำจะมีวางจำหน่ายในเซเว่น ส่วนรสแกงเขียวหลานจะมีจำหน่ายเฉพาะช่องทางออไลน์ เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่ม โดยในปีนี้จะมีการออกรสชาติใหม่อีก 2 รสชาติ ได้แก่ รสผัดไทย และแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ซึ่งรสชาติแกงกะหรี่ญี่ปุ่นจะนำไปวางจำหน่ายเพิ่มเติมที่เซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนรสผัดไทจะวางจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ และตามห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ โดยนำส่วนของขากุ้งมาเป็นส่วนประกอบภายใต้ผลิตภัณฑ์ “น้ำพริกขากุ้ง” ซึ่งจะวางจำหน่ายเฉพาะในโมเดรินเทรด เนื่องจากในเซเว่นอีเลฟเว่นมีผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวนี้ทำตลาดอยู่แล้ว โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก และกลุ่มของผู้ที่เดินทางเป็นประจำ ขณะที่ในระยะถัดไปในอนาคตอาจจะมีการทำผลิตภัณฑ์ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยการนำส่วนผสมของคางกุ้งไปพัฒนาร่วมกับวัตถุดิบอื่นให้กลายเป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจจะมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
“ด้วยความที่ทำธุรกิจจึงค่อนข้างจะมีปัญหาจุกจิกตลอดเวลา โดยหากเป็นปัญหาหลักๆตอนแรกเริ่มก็จะเป็นเรื่องของโครงสร้างอาคาร ด้วยความที่เป็นเด็กทำให้ขาดประสบการณ์ ตัดสินใจด้วยความหุนหัน โดยที่ครั้งหนึ่งเคยซื้ออาคารหลังหนึ่งตามที่มีคนบอกเพื่อทำเป็นโรงงาน แต่ปรากฏว่าอาคารทรุด ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้บอกกับแม่ว่าทำธุรกิจ แต่ลุยเข้าไปเองแล้วเกิดล้มเหลว ตอนนั้นเป็นปัญหาหลักมาก โดยวันนั้นหากไม่ตัดสินใจทำต่อและเราหยุดไป วันนี้จะไม่มีคางกุ้งแน่ๆ ด้วยปัญหาที่ขาดความรู้ เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ไม่ฟังคนอื่น เลยนำกลับมาเป็นประสบการณ์ว่าหลังจากนี้จะฟังคนอื่น จะต้องฟังไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก หรืออายุเท่าเรา มุมมองทุกคนมีความแตกต่างกัน เราจะฟังเสมอ แต่จะเอามาใช้หรือไม่ใช้ เอามาปรับอีกเรื่องหนึ่ง”