“ชื่นละมุน” ไอศครีมกะทิหอมน้ำมะพร้าวคุณภาพสูงราคาจับต้องได้
รูปแบบการขายอาหารบนรถ หรือที่เรียกกันว่า “ฟู้ดทรัค” (Food Truck) กำลังกลายเป็นกระแสนิยมของผู้ประกอบการ เนื่องจากมีรูปแบบธุรกิจที่ทันสมัย และสามารถเคลื่อนย้ายธุรกิจไปยังทำเลที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังสามารถปรับประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายกิจการ
ไอศกรีมกะทิหอมน้ำมะพร้าวคืออีกหนึ่งธุรกิจที่เลือกฟู้ดทรัคมา Startup ธุรกิจให้กับตนเอง ภายใต้การดูแลของ เนตรชนก กนกพนาทัตเจ้าของกิจการภายใต้แบรนด์ “ชื่นละมุน”
จากมนุษย์เงินเดือนสูเจ้าของธุรกิจ
เนตรชนก เล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจให้ฟังว่า เดิมทีเคยเป็นพนักงานประจำมาก่อน แต่ก็มีความคิดเหมือนกับมนุษย์เงินเดือนคนอื่นทั่วไป ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง จึงได้ทำการศึกษาเรื่องของไอศกรีมกะทิอย่างลึกซึ่ง โดยมุ่งหวังว่าจะสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในแบรนด์ของตนเอง จนนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์ไอศกรีมกะทิหอมน้ำมะพร้าวภายใต้แบรนด์ “ชื่นละมุน” ที่มีกระบนการผลิตแบบไอศครีมกะทิโบราณ โดยคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถันอย่างมะพร้าวกะทิทับสะแกกับมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วเข้ามาทำในส่วนของกะทิ ซึ่งมะพร้าวดังกล่าวจะคัดสรรจากแหล่งคุณภาพ เป็นตัวแทนจำหน่ายที่รับมะพร้าวจากสวนโดยตรง
ทั้งนี้ กว่าจะออกมาเป็นไอศกรีมกะทิหอมน้ำมะพร้าวอย่างที่เห็นเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายได้นั้น เนตรชนกต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการคิดค้นสูตรที่เป็นแบบฉบับของตนเอง โดยนำประสบการณ์มาจากการไปตระเวนชิมไอศกรีมกะทิจากเจ้าอื่น และนำมาปรับปรุงสูตรทีละเล็กละน้อยจนกลายเป็นสูตรของ “ชื่นละมุน” ที่สร้างความแตกต่างจากไอศครีมกะทิเจ้าอื่น และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคได้ในที่สุด
“ลักษณะของสินค้าจะอยู่ในรูปแบบไอศกรีมกะทิตักขายเป็นถ้วยๆ พร้อมเครื่องเคียงต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟักทอง ,มันญี่ปุ่น ,เผือก ,ข้าวเหนียว ,ข้าวโพด ,ทับทิมกรอบ และลูกชิด เป็นต้น โดยขายบนฟู้ดทรัคซึ่งเป็นรูปแบบร้านยอดนิยมที่ได้รับความสนใจอยู่ตอนนี้”
ไม่มีส่วนผสมของแป้งและนม
สำหรับจุดเด่นของไอศกรีมกะทิหอมน้ำมะพร้าวแบรนด์ “ชื่นละมุน”นั้น เนตรชนก บอกอย่างภาคภูมิใจว่า เป็นสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของแป้ง และนม ที่ช่วยเพิ่มความมันและเหนียวให้กับไอศกรีม แต่จะใช้กรรมวิธีในการผลิตด้วยรูปแบบของการกวนให้ขึ้นรูปเป็นไอศครีม
ขณะที่ในส่วนของรสชาติก็จะมีความแตกต่าง โดยเวลาที่ผู้บริโภครับประทานจะรู้สึกเหมือนรับประทานน้ำมะพร้าว หอมกลิ่นกะทิ มีรสชาติที่ไม่หวานมาก ที่สำคัญจะให้ความรู้สึกสดชื่นเวลาที่รับประทาน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่แพ้นม ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่เป็นจำนวนมากสามารถรับประทานได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยการใส่เนื้อมะพร้าวหั่นขนาดจิ๋วลงไปในเนื้อไอศกรีม ทำให้ผู้ที่รับประทานได้เคี้ยวมะพร้าวแบบกรุบๆ พร้อมทั้งได้กลิ่นหอมมะพร้าวควบคู่กันไประหว่างรับประทาน
อย่างไรก็ดี ยังทำให้ผู้ที่รับประทานอาหารเจ และมังสะวิรัติสามารถรับประทานได้ด้วย เพราะไม่มีส่วนผสมของนม โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของ “ชื่นละมุน” จะเป็นกลุ่มของผู้ที่รักสุขภาพ ผู้ที่แพ้นม กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มของเด็กเล็กที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลสุขภาพ
ขยายร้านเพิ่มมาตรฐานสร้างความน่าเชื่อถือ
เนตรชนก ยังได้กล่าวต่อไปอีกถึงแผนการทำตลาดในปีนี้ด้วยว่า จะดำเนินการขยายตลาด และฐานของผู้บริโภคให้กว้างขวางมากขึ้น โดยภายในกรกฏาคมจะมีการขยายสาขาของ ชื่นละมุม ไปสู่การเป็นจุดจำหน่ายแบบคีออสขนาดย่อมที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ในการทำตลาดด้วยการจำหน่ายในรูปแบบของบุฟเฟ่ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการของดีมีคุณภาพ แต่ราคาจะต้องไม่สูงมาก โดยเป็นการขยายตลาดตามคำเรียกร้องจากลูกค้า ซึ่งต้องการจุดจำหน่ายที่ชัดเจนของ “ชื่นละมุน” หลังจากที่เคยได้มารับประทานไอศครีมที่ร้านจากสถานที่ต่างๆด้วยการจำหน่ายในรูปแบบของฟู้ดทรัค
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำให้ “ชื่นละมุน” เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ด้วยการขอรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และขอการรับรองจากกรมพัฒนาชุมชน ซึ่งล่าสุดได้รับการตอบรับและได้เดินทางมาตรวจสอบโรงงานเรียบร้อยแล้ว โดยมุ่งหวังในเรื่องของการออกร้านแสดงสินค้าภายในงานของสินค้า โอท็อป (OTOP) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการส่วนของค่าเช่าพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังจะทำให้แบรนด์ “ชื่นละมุน” เป็นที่รู้จักจากผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
“แบรนด์ ชื่นละมุน จะมุ่งเน้นการขยายตลาดในรูปแบบเป็นบูธที่ดูแลด้วยตนเองมากกว่า จะยังไม่มีการขยายด้วยการขายแฟรนไชน์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราจะต้องมีผู้ที่คอยแนะนำลูกค้า ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่รู้จริงเรื่องของกระบวนการผลิต เพราะเรามีการผลิตที่แตกต่างจากไอศกรีมโดยทั่วไป และลูกค้ามักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับที่มาที่ไปของกระบวนการผลิตไอศครีมที่ไม่เหมือนกับที่เคยรับประทานมาก่อน”
ผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาจับต้องได้
เนตรชนก กล่าวอีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้เชื่อว่าจะทำให้สามารถมีรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายทางด้านต้นทุนแล้ว เป็นอัตราของผลกำไรอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 240,000 ต่อปีได้อย่างแน่นอน โดยที่ตั้งเป้าเอาไว้แบบนี้ เพราะตนเองนำเงินก้อนที่เก็บสะสมไว้มาลงทุนด้วยตนเอง และจะพยายามสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย โดยปัจจุบันรายได้หลักของแบรนด์ “ชื่นละมุน” มาจากการออกงานอีเว้นท์ที่ลูกค้ามีการว่างจ้าง และจากหน่วยงานราชการ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ชื่นละมุน” มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ไอศกรีมกะทิหอมน้ำมะพร้าว ,วุ้นน้ำมะพร้าว และน้ำมะพร้าวซึ่งเอาไว้สำหรับรับประทานคู่กับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท โดยในส่วนของวุ้นน้ำมะพร้าวเริ่มได้รับความสนใจจากกรุ๊ปทัวร์ที่ติดต่อเข้ามาขอซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปเลี้ยงต้อนรับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อดีอยู่ที่การจัดเก็บ และการขนส่งที่สะดวกสบาย
หากถามว่าต้องการให้แบรนด์ “ชื่นละมุน” เป็นอย่างไรในอนาคตนั้น เนตรชนก มองว่า อยากให้เป็นไอศครีมที่มีคุณภาพสูงแต่มีราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยเราจะผลิตด้วยการไม่ลดต้นทุน รวมถึงเป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ