“กาแฟวาวี” รุกออแกนิกสร้างแบรนด์สู่ระดับโลก
ธุรกิจเปิดร้านกาแฟคืออาชีพในฝันของใครหลายคน ด้วยตลาดที่เปิดกว้าง ผสมผสานกับรสชาติของกาแฟ และที่หอมตลบอบอวลชวนให้หลงใหล ส่งผลให้มีผู้มากหน้าหลายตาที่เดินเข้า และออกจากธุรกิจดังกล่าวนี้อย่างไม่ขาดสาย
จะมีก็เพียงไม่กี่รายที่สามารถยืนหยัดและกลายเป็นเจ้าหลักในตลาดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จัก และนึกถึงเมื่อต้องการคาเฟอีนจากกาแฟ
แบรนด์ “วาวี” คือแบรนด์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการทำตลาด และการประกอบธุรกิจ ทำให้เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจนสามารถขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก แต่ใครเลยจะรู้ว่ากว่าที่กาแฟวาวีจะมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในตลาดกาแฟ จะต้องฝ่าฟันอุปสรรค และขวากหนามระหว่างทางมาไม่น้อย
จากวิกฤติส่ธุรกิจ
ไกรสิทธิ์ ฟูสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟวาวี จำกัด เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วง 20 ปีก่อนเคยประสบปัญหาในเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ (NPL) และมีสภาพจิตใจที่ค่อนข้างจะอ่อนแอ และหวาดผวาเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ ด้วยเกรงว่าจะเป็นสายจากเจ้าหนี้โทรมาเพิ่มติดตามทวงหนี้ ทำให้ต้องตัดสินใจเดินทางออกไปยังพื้นที่ห่างไกล และประกอบอาชีพใหม่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟด้วยเคาท์เตอร์ขนาดเล็กขนาดประมาณ 1.5×5 เมตร ที่ปางช้างแม่สา จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าโดยธรรมชาจิของตนเองแล้วไม่ใด้เป็นคอกาแฟแบบพันธุ์แท้ แต่เหตุผลที่ทำให้เลือกประกอบธุรกิจทางด้านกาแฟก็เพราะได้ทำเลที่เหมาะสม และใช้เงินลงทุนไม่มากเพียงแค่หลักหมื่น ขณะที่ของตกต่างภายในร้านก็นำมาจากที่บ้าน ส่วนชื่อ “กาแกวาวี” เกิดจากความต้องการยกย่องแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่ใช้ ซึ่งมาจากยอดอยวาวี ที่จังหวัดเชียงราย ที่ในเวลานั้นยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากนัก โดยในวันแรกที่เปิดร้านสามารถขายได้เพียง 187 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ดี กระแสความนิยมก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับจากความชื่นชอบเครื่องดื่มประเภทกาแฟสดของคนไทย ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจดังกล่าวยังไม่สูงมากนัก ขณะที่ตนเองก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เสริมจากคำแนะนำของลูกค้าเพื่อปรับปรุง ลำพัฒนาสูตรของกาแฟให้เป็นที่ถูกใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
รีแบรนด์สร้างภาพลักษณ์ทันสมัย
ไกรสิทธิ์ เล่าต่อว่า กาแฟวาวีมาถึงจุดพีคที่สำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากการที่ตนเองตัดสินใจนำเงินทุนที่สะสมมาได้ประมาณ 3-4 ปีเปิดร้านกาแฟแบบเต็มรูปแบบ มีทั้งเครื่องปรับอากาศ และการตกแต่งร้านสไตล์ล้านนาร่วมสมัย โดยถือเป็นร้านกาแฟแห่งแรกที่ทำแบบนี้ในจังหวัดเชียงใหม่บนถนนนิมมานเหมินทร์ โดยเป็นร้านที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้ชื่อของ “กาแฟวาวี” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟ หลังจากนั้นจึงต่อยอดธุรกิจด้วยการขายแฟรนไชน์ รวมถึงขายวัตถุดิบเมล็ดกาแฟคั่วสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ของตนเอง และรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่แบรนด์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก
“หลังจากที่หันมาประกอบธุรกิจเปิดร้านกาแฟ ตนสามารถใช้เวลาประมาณ 5 ปีในการสร้างรายได้ และนำเงินไปปลดหนี้ได้ทั้งหมด และยังสามารถนำเงินมาลงทุนขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันกาแฟวาวีมาสาขาอยู่ทั้งหมด 22 สาขา พร้อมทั้งมีโรงคั่วกาแฟที่ได้รับมาตรฐานระดับสากลกำลังผลิตกว่า 50 ตันต่อปี”
มุ่งกาแฟออแกนิกฉีกตลาด
สำหรับแผนในการขยายธุรกิจปี 2560 นั้น ไกรสิทธ์ บอกว่าจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์กาแฟวาวีให้เป็นกาแฟระดับพรีเมี่ยม เพื่อฉีกหนีการแข่งขันในตลาดจากแบรนด์ใหญ่ที่ส่วนใหญ่จะเน้นการขยายสาขาเป็นหลัก หลังจากที่บริษัทได้ใช้ความพยายามกว่า 3 ปีในการขอรับรองมาตรฐานออแกนิกจากประเทศสหรัฐอเมริกา และอีก 1 ปีเพื่อให้ได้มาตรฐานจากยุโรป โดยวางเป้าหมายที่จะทำตลาดในส่วนของต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การทำตลาดในประเทศ จะดำเนินการในเรื่องของรีแบรนด์ เพื่อปรับภาพลักษณ์ของกาแฟวาวีให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยการตกแต่งร้านในรูปแบบใหม่ และเปลี่ยนโลโก้ ซึ่งจะเริ่มนำร่อง 3 สาขา ได้แก่ สาขาศรีดอนชัย ,สาขาท่ากระดาษริมเหมือง และสาขาสนามบินนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นจึงทยอยปรับเปลี่ยนไปสู่สาขาอื่นตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมลงทุนร่วมกับบริษัท เขาใหญ่ พาโนราม่าฟาร์ม จำกัด เพื่อทำผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อผู้ที่รักสุขภาพ โดยจะนำเห็ดหลินจือเข้ามาเป็นส่วนผสมของกาแฟ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศ พร้อมกันนี้ยังจะมีการเปิดสาขาร้านกาแฟร่วมกันที่เขาใหญ่ซึ่งจะเป็นร้านต้นแบบ โดยจะเป็นคอนเซปป์ในรูปแบบที่เรียกว่า วาวีลิงก์ ซึ่งภายในร้านจะมุ่งเน้นการขายกาแฟแบบออแกนิกทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และฉีกจากการแข่งขันในตลาดให้ชัดเจน โดยตั้งเป้าจะปิดให้ได้ 5 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งล่าสุดก็มีลูกค้าที่สนใจติดต่อเข้ามาเพื่อจะขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเป็นจำนวนมาก
สร้างแบรนด์สูระดับโลก
ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น ไกรสิทธิ์บอกว่า ในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาได้มีการเข้าไปเปิดสาขาที่กรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว โดยดำเนินการร่วมทุนกับนักธุรกิจในประเทศลาว อีกทั้ง ยังได้ทดลองส่งสินค้าไปทดลองทำตลาดที่ประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางตัวแทนจำหน่าย เพื่อสำรวจความนิยมในตลาด และวางแผนในการเข้าไปทำตลาดต่อไปในอนาคต
“เป้าหมายในส่วนของจำนวนสาขาต้องการจะขยายให้ได้เป็น 30 สาขากับแบรนด์กาแฟวาวีปกติ และขยายรูปแบบของกาแฟวาวีลิงก์ให้ได้ 5 สาขาภายในปีนี้ เมื่อผสมผสานเข้ากับกลยุทธ์ในการทำตลาดที่บริษัทกำลังจะดำเนินการเชื่อว่าจะให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 67 ล้านบาท”
ส่วนเป้าหมายในอนาคตของกาแฟวาวีที่ไรสิทธิ์วาดภาพเอาไว้ก็คือการเป็นแบรนด์กาแฟระดับพรีเมี่ยมที่ผู้บริโภคทั้งคนไทยและชาวต่างชาตินึกถึง เมื่อต้องการดื่มกาแฟ รวมถึงทำให้ชื่อของกาแฟวาวีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และขยายสาขาให้ได้จำนวน 100 สาขาภายใน 3 ปี
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างที่วางเป้าหมายไว้ผ่านโครงการให้สินเชื่อในการเพิ่มทุนหมุนเวียนให้กับบริษัท อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ทั้งการบอกต่อ และการร่วมงานแสดงสินค้าที่ธนาคารจัดขึ้น ส่งผลทำให้บริษัท และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาด”