แฮบปี้มูฟ จากรุ่นสู่รุ่นธุรกิจลูกล้อเงินล้าน
การสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งว่ายากแล้ว แต่การรักษาธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ในอนาคตนั้นยากกว่า โดยเฉพาะธุรกิจที่ถูกปูทางสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนประสบความสำเร็จ
ธีรวุธ ธนาสุวรรณดิถี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮบปี้ มูฟ จำกัด คือหนึ่งในบุคคลที่ต้องการสานต่อธุรกิจให้เติบโต แข็งแกร่ง โดยได้ใช้กำลังความสามารถ และไอเดียความคิดแบบก้าวหน้าของทีมงาน เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของครอบครัวจนขยายได้
จากรุ่น 1 สู่รุ่น 2
ธีรวุธ เล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจที่ไม่สลับซับซ้อนอะไรมากด้วยความภาคภูมิใจว่า เป็นธุรกิจที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 30-40 ปีที่ผ่านมา โดยคุณพ่อเป็นคนแรก หรือบริษัทแรกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับลูกล้อที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งในยุคนั้นธุรกิจสามารถขยายตัว และเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยตนเองถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มารับกิจการต่อจากคุณพ่อ และได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าจากการเป็นผู้นำเข้าลูกล้อมาสู่การเป็นผู้ผลิตเองภายใต้ตราสินค้า “PAREO” (พาริโอ) ซึ่งได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นบริษัทลูกล้อแรกของไทยที่ได้รับมาตราฐาน ISO 9001:2000 ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว โดยมีแบบลูกล้อให้เลือกมากที่สุดในประเทศ จนที่ผ่านมาสามารถส่งออกไปขายยังประเทศใหญ่หลายประเทศ เช่น ประเทศอเมริกา, กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) และประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
อย่างไรก็ดี นอกเหนือไปจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นผู้ผลิตลูกล้อเองแล้ว บริษัทยังต่อยอดผลิตภัณฑ์ออกไปอย่างหลากหลาย เพื่อตอบรับกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีทั้งอุปกรณ์เคลื่อนย้าย และรถเข็นหลากหลายชนิด เช่น รถเข็นเหล็ก รถเข็นพลาสติกเก็บเสียง รถเข็นพลาสติกไฟเบอร์เทค ดอลลี่พลาสติก ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าเคลื่อนย้ายได้อย่างผ่อนแรง ปลอดภัย
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตนั้น อยู่ที่เรื่องของคุณภาพ และดีไซน์ที่ทันสมัย โดยในเรื่องของคุณภาพเห็นได้อย่างชัดเจนจากการใช้งานของผู้บริโภคที่จะมีระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าจะถึงเวลาในการปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซม ซึ่งเมื่อผลิตภัณฑ์มีคุณภาพก็จะตามมาด้วยความปลอดภัยในการใช้งานสำหรับลูกค้าที่บริษัทมุ่งเน้นให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีแบบให้เลือกอย่างหลากหลาย และมีการนำนวัตกรรมเข้ามาร่วมพัฒนาสินค้า พร้อมมีรางวัล Thailand trust mark นวัตกรรมล้อสวยเป็นเครื่องการันตี
ขยายตลาดในและต่างประเทศ
ธีรวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้างสรรพสินค้า หรือโมเดิร์นเทรดที่เกี่ยวกับรถเข็นช็อปปิ้ง ชั้นวางสินค้า หรือรถอเนกประสงค์ที่ให้บริการอยู่มากกว่าครึ่งในตลาดเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำการตลาดในส่วนของการให้บริการซ่อมบำรุง และเปลี่ยนลูกล้อสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนย้าย เช่น รถเข็น ใน ซุปเปอร์มาร์เก็ต ,โรงแรม ,โรงพยาบาลหรือสถาบัน และโรงงานต่างๆ เพื่อความสะดวกของลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายสาขาของร้านให้บริการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากเดิมที่มีอยู่ 8 แห่ง เพิ่มอีก 4 สาขา โดยยังคงมุ่งเน้นพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งการขยายจะเป็นการดำเนินการอย่างไม่เร่งรีบ แต่เป็นไปแบบมั่นคงตามศักยภาพที่มี พร้อมกันนี้จะมีการดำเนินการในเรื่องของการทำตลาดในช่องทางออนไลน์อย่างจริงจังด้วยตัวบริษัทเองผ่านช่องทาง www.happymove.co.th หลังจากที่ผ่านมาได้มีการทดลองจำหน่ายรถเข็นไปยังเว็บไซด์ขายสินค้าต่างๆบนโลกออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะขยายตลาดไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV เพื่อกระจายฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น โดยจะดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก และกระทรวงต่างประเทศ เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในตลาดภูมิภาคนี้
ออกผลิตภัณฑ์รับไลฟ์ไสตล์ผู้บริโภค
ธีรวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทยังมีแผนที่จะวางแผนบริหารธุรกิจขององค์กร เพื่อให้องค์กรนั้นสามารถใช้ทรัพยากรที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Enterprise Resource Planning : ERP) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารงานของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับลูกล้อ โดยจะเป็นการนำนวัตกรรมทางด้านนาโนเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อทำให้ลูกล้อมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ลูกล้อดังกล่าวบริษัทจะทำตลาดในกลุ่มของโรงพยาบาล โรงแรม ภัตราคารอาหาร และธุรกิจอื่นๆที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความสะอาดทั้งหมด
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank) มีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการสนับสนุนทางด้านของเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงการให้ความรู้ทางด้านแนวคิดการบริหารจัดการ และการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพ”