สโนไอซ์พลาซ่า แรงบันดาลใจความชอบสู่ธุรกิจ

หากถามถึงธุรกิจที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งในยุคนี้ หนึ่งในนั้นคงมีชื่อของ ”บิงซู” หรือน้ำแข็งใสสไตล์เกาหลีส่งเข้าประกวดอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน
ทั้งในห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัดทั่วไปจะต้องพบเจอร้านบิงซูตั้งตะหง่านเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ที่สำคัญบางแห่งยังมีการต่อแถวเข้าคิวรอกันยาวเหยียด เรียกว่าเป็นเครื่องยืนยันความนิยมได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ในปัจจุบันมีผู้ที่เล็งเห็นกระแสความฮอตฮิตดังกล่าวมาทำเป็นธุรกิจสร้างรายได้ให้กับตนเองกันอย่างมากมายแต่ใครเลยจะรู้ว่าเจ้าแรกแห่งไอศครีมกึ่งน้ำแข็งใสในประเทศไทยมาจากร้านสโนไอซ์ พลาซ่า
ซึ่งเกิดจากความชื่นชอบส่วนตัวในการรับประทานไอศครีมรูปแบบดังกล่าวของ คุณพัชชา สุทธิรักษ์ จนถึงขนาดต้องลงทุนลงแรงบินข้ามขอบฟ้าไปร่ำเรียนวิธีการทำไกลถึงประเทศใต้หวันอย่างจริงจัง เพื่อนำมาผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยด้วยตนเอง
จากความชอบสู่ธุรกิจ
คุณพัชชา เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนทำงานเป็นเลขาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำให้มีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งจนได้ชิมไอศครีมที่ประเทศใต้หวัน ซึ่งมีชื่อเรียกว่าสโนไอซ์และถูกใจในรสชาติจนต้องรับประทานทุกวัน จึงเกิดความคิดที่ต้องการจะเรียนรู้วิธีการทำและกลายเป็นการ “Start Up” ธุรกิจให้กับตนเอง
“เมื่อเรียนจนจบหลักสูตรและสามารถทำขายได้แล้ว จึงกลับมาหาทำเลเพื่อเปิดร้านขายไอศกรีมภายใต้ชื่อร้านสโนไอซ์ พลาซ่า และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยมีผู้ที่สนใจต้องการซื้อไปขายไปต่อจำนวนมาก ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดทำแฟรนไชน์ จนปัจจุบันมีแฟรนไชน์จากทางร้านแล้วกว่า 60 สาขาทั่วประเทศและต่างประเทศได้แก่ ประเทศเมียนมาร์ และลาว”
ทั้งนี้ การทำแฟรนไชน์ของทางร้านจะเปิดกว้างมาก โดยลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งชื่อร้านให้เหมือนกับเรา เพียงแต่การเป็นแฟรนไชน์จะได้รับส่วนลดพิเศษในการสั่งซื้อก้อนไอศครีมไปจำหน่าย ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์ชื่อร้านได้ตามที่ต้องการ แต่หากมีต่อท้ายว่า “By สโนไอซ์ พลาซ่า” ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง เพราะเรามีการทำการตลาดให้แล้วส่วนหนึ่ง
รสชาติกว่า 50 รสให้เลือกสรร

จุดเด่นของไอศครีมจากทางร้านอยู่ที่รสชาติที่มีให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 50 รสชาติ นอกจากรสชาตินมซึ่งเป็นรสชาติมาตรฐานของไอศครีม โดยการนำเอกลักษณ์รสชาติของผลไม้ไทย ซึ่งได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกมาเป็นส่วนประกอบ โดยทางร้านจะเลือกใช้เนื้อผลไม้แท้ที่ไปเลือกซื้อจากสวนด้วยตนเอง เพื่อควบคุมรสชาติ อีกทั้งยังไม่มีการใส่สี หรือกลิ่น และปราศจากสารเคมีเจือปน
“จากกระแสการตอบรับถล่มทลายดังกล่าว ทำให้เกิดความคิดในการก่อตั้งโรงงานเพื่อผลิตก้อนไอศกรีม เนื่องจากต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าหน้าร้าน และลูกค้าที่เป็นแฟรนไชน์อีกจำนวนมาก พร้อมทั้งเป็นการควบคุมคุณภาพของรสชาติ ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสูตรจากที่ได้เรียนมา โดยปัจจุบันเราถือว่าเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในตลาดที่ส่งก้อนไอศครีมให้กับร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นแฟรนไชน์และไม่ได้เป็น”
กลยุทธ์ดับร้อนด้วยไอศครีม
เมื่อถามถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วนั้น คุณพัชชาบอกว่าไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่พยายามตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้เท่านั้น ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เพราะฉะนั้นไอศครีมจึงถือว่าเป็นของดับร้อนได้เป็นอย่างดี เมื่อผสมผสานกับกระแสการรักษ์สุขภาพด้วยแล้วยิ่งทำให้ไอศครีมจากทางร้านเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นไอศครีมที่ทำจากผลไม้แท้ และมีส่วนผสมของน้ำตาลเพียง 5% เท่านั้น ทำให้ไอศครีมของทางร้านจะไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป แต่จะมีลักษณะที่เป็นเหมือนกึ่งน้ำแข็งใสรับประทานแล้วชุ่มคอ ชื่นใจ สามารถทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้
“ไอศครีมที่มีจำหน่ายทั่วไปนั้น ยอมรับว่ามีรสชาติที่อร่อยเหมือนกัน แต่จะมีส่วนผสมของนมและเนย หากรับประทานในปริมาณอาจจะทำให้อ้วนได้ แต่ของเรารับประกันว่าทานแล้วไม่อ้วน เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลน้อยมาก อีกทั้งรสชาติของไอศกรีมก็เป็นการประยุกต์นำผลไม้ไทยมาเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้รสชาติถูกปากผู้บริโภคทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ”
ปรับตัวรับกระแสการเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าบนโลกธุรกิจย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไปตามกระแสความนิยมของแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดกว้างมากขึ้นในการรับวัฒนธรรมอาหารจากต่างประเทศ คุณพัชชา เล่าว่า เวลานี้กระแสบิงซูมาแรงมาก ทำให้ทางร้านต้องมีการเพิ่มเติมเมนูที่เกี่ยวกับบิงซูเข้าไป เพื่อตอบรับกระแสดังกล่าว ซึ่งก็สามารถทำได้ไม่ยากเย็นเท่าใดนัก เพราะกระบวนการผลิตมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นกับสโนไอซ์ที่จำหน่ายอยู่ดังนั้น ทางร้านจึงผลิตเองจากโรงงาน ทำให้ปัจจุบันเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในส่งสินค้าไปจำหน่ายให้กับร้านบิงซูทั่วประเทศเช่นเดียวกัน

“ความจริงแล้ว บิงซู กับ สโนไอซ์ ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันมาก เพียงแต่เป็นชื่อเรียกของไอศครีมแต่ละประเทศเท่านั้น โดยที่เกาหลีจะเรียกว่า บิงซู แต่ที่ใต้หวันและฮ่องกงจะเรียกว่าสโนไอซ์ ขณะที่ประเทศไทยเรียกว่าน้ำแข็งใส เมื่อกระแสบิงซูมาเราก็นำเมนูบิงซูมาใส่เพิ่มเติมให้ลูกค้าได้เลือก นอกจากนี้ยังพยายามเสาะหาเมนูของหวานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเครปเย็น วาฟเฟิล เพื่อสร้างความหลากหลาย เนื่องจากเราต้องเข้าใจว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเดินทางมาด้วยกันก็ตามที”
ส่วนเป้าหมายในอนาคตนั้น ต้องการขยายแฟรนไชน์สโนไอซ์ พลาซ่าไปในทุกประเทศของกลุ่มเออีซี (AEC) โดยทางร้านจะได้เปรียบตรงมีสาขาอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเอแบค (ABAC) ซึ่งจะมีนักศึกษาจากต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาศึกษา เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติก็จะกลับไปปรึกษากับผู้ปกครอง เพื่อขอนำกลับไปประกอบธุรกิจเป็นของตนเองหลังจากจบการศึกษา.