ว้าว “บิ๊กตู่” อยู่ยาว อีก 2 ปีอยู่ได้
บิ๊กตู่ อยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมา 6 ปี แล้ว เส้นทางหลังจากนี้แม้อยู่ได้ แต่ไม่ง่ายนัก เพราะอุปสรรคหลากหลายรออยู่
“เพลงคนดีไม่มีวันตาย” มีเนื้อร้องท่อนฮุกว่า
“จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี”
เป็นเพลงหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เลือกร้องร่วมกับประชาชน ในระหว่างการพื้นที่ตรวจราชการ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎรธานี เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนแรง มีการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลไม่เว้นแต่ละวัน เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ “บิ๊กตู่” จะต้องอยู่บนเก้าอี้อย่างยากลำบาก
ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องการกำลังใจอย่างมาก โดยเฉพาะกำลังใจจากผู้สนับสนุน
และเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” ก็เป็นหนึ่งในกำลังใจที่ดีของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประคับประคองรัฐนาวาต่อไปในเวลาที่เหลืออีกกว่า 2 ปี
นอกจาก “เพลงคนดีไม่มีวันตาย” วันถัดมา พล.อ.ประยุทธ์ ยังร่วมร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” ร่วมกับประชาชนชาวภูเก็ต หลังประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ภูเก็ต
“เพลงความฝันอันสูงสุด” เป็นเพลงปลุกขวัญทหาร เล่าถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ
ท่อนหนึ่งของเพลงนี้ร้องว่า “จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา”
“บิ๊กตู่” เลือกร้องเพลงนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้องรับมือกับปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เกมการเมืองทั้งในและนอกสภา โดยเกมการเมืองหลังจากนี้ ภาระหนักจะตกอยู่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” อย่างจังๆ
แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะยังเหนียวแน่น พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ยังยืนยันจะอยู่ร่วมรัฐบาลไม่หายไปไหน แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่า พรรคร่วมรัฐบาลเหล่านั้น จะช่วย พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ แก้ไขปัญหาทางการเมือง
แม้ขณะนี้ทางรัฐสภา กำลังจะตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ เพื่อร่วมหารือแก้ไขปัญหาทางการเมือง โดยเชิญอดีตนายกรัฐมนตรี มาช่วยให้ความเห็นด้วย
กระนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ เท่าที่ควร เพราะอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายอานันท์ ปันยารชุน ต่างอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก
มีเพียง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่รู้ว่าจะเสนอแนะในทิศทางใด
อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการเพื่อสร้างความปรองดองสนามฉันท์ ก็เป็นแค่เครื่องมือถ่วงเวลาเท่านั้น และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยังยืนยันอยู่เป็นนายกฯต่อ
กระนั้น อีก 2 ปีที่เหลือ ก็จะเป็นการอยู่ต่ออย่างยากลำบาก การบริหารราชการแผ่นดินจะเป็นไปอย่างทุรักทุเร
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังต้องเจอกับผู้ประท้วง ที่นับวันยิ่งจะเพิ่มระดับความเคลื่อนไหว และส่อแววว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น
ความรุนแรงจะเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อมีม็อบเสื้อเหลืองตั้งเวทีคู่ขนาน ดังที่มีตัวอย่างให้เห็นแล้วในการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผลจากนี้ชุมนุมจะทำให้องค์กรระหว่างประเทศ แสดงปฏิกิริยาต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกจับตาอย่างมากจากองค์กรระหว่างประเทศ และจะเจอแรงกดกัดอย่างมากเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น
นอกจากปัญหาทางการเมืองแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องเจอกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทย งบประมาณปี 64 วงเงิน 3.28 ล้านล้าน ไม่อาจรับประกันความอดยากของประชาชน
และรัฐบาลจะถูกโจมตีว่าบริหารงานล้มเหลวเมื่อมีการกู้เงินก้อนใหญ่ ทำให้หนี้สาธารณะทะลุเพดานเกิน 60 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจหลังจากนี้ คือไม่ทราบว่าจะโรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดระลอก 2 หรือไม่ เพราะตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะไม่กลับมาปิดเมืองอีกครั้ง
ดังนั้น การบริหารราชการแผ่นดินนับจากนี้ไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยเสี่ยงที่มองเห็นและควบคุมได้
และยังมีอีหลายปัจจัยเสี่ยงที่มองไม่เห็นและควบคุมไม่ได้
โดยมีทั้งประเด็นการเมืองที่เป็นเหมือนไฟไฟลนก้นอยู่ทุกวัน
และปัญหาเศรษฐกิจ ที่ทำเอา “บิ๊กตู่” หายใจได้ไม่ทั่วท้องอยู่ตลอดเวลา
เวลาที่เหลืออีก 2 ปี แม้ “บิ๊กตู่” จะอยู่ได้ แต่ต้องอยู่แบบร้อน เหนื่อย หอบ และยังเสียสุขภาพจิต
จึงไม่แปลกที่ “บิ๊กตู่” จะหลุดคำพูดหนึ่งเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า
“ผมไม่เคยคิดว่าต้องมายืนตรงนี้ นี่อยู่มา 6 ปี แล้ว ผมก็หวังอย่างยิ่งว่าถ้าวันหน้ามีคนที่เก่งกว่าผม ดีกว่า ซื่อสัตย์กว่าผม ซื่อสัตย์เหมือนผม ทำงานเหล่านี้ต่อไป”