“พัก-ลด-ขยาย-เติม” ธพว.ช่วย SMEs ฝ่าวิกฤตโควิด-19
ธพว.ขนมาตรการด้านการเงิน ทุกรูปแบบ เยียวยา ช่วยเหลือ ลดภาระค่าใช้จ่าย ให้กับ SMEs ไทย ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ พร้อมเพิ่มศักยภาพ สร้างภูมิคุ้มให้ SMEs ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน
ภายใต้มาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-เติม” ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อการพัฒนา SMEs ไทย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม และปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น สงครามการค้า และภัยแล้ง ไปแล้วเป็นจำนวน 9,458 ราย มูลค่ารวม 14,924.63 ล้านบาท
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธพว.อธิบายว่า มาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-เติม” ประกอบด้วย 1.มาตรการพัก ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอชะลอการชำระหนี้เงินต้นให้นานขึ้นจากสิทธิ์อัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจนานสูงสุด 24 เดือน
2.มาตรการลด มอบสิทธิ์ลดดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้า 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม/ห้องพัก ,ธุรกิจสปา ,ธุรกิจร้านอาหาร/ภัตตาคาร ,ธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ,บริการขนส่งนักท่องเที่ยว ใน 22 จังหวัดหลักตามข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
3.มาตรการขยาย หรือผ่อนปรน เงื่อนไขการชำระหนี้ ให้สอดคล้องตามความสามารถในการชำระหนี้ นานสูงสุด 5 ปี
และ 4.มาตรการเติมทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่อง มีเงินทุนสำรอง เปิดโอกาสทั้งลูกค้าของ ธพว. และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป ผ่านโครงการสินเชื่อต่าง ๆ เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash
และสำหรับผู้ประกอบการนิติบุคคลธุรกิจการท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจสปา ธุรกิจขนส่งที่เกี่ยวเนื่อง (รถทัวร์ รถบัส รถตู้ รถแท็กซี่ เรือนำเที่ยว รถเช่า) บริษัทนำเที่ยว โรงแรม ห้องพัก และร้านอาหาร วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 3% ต่อปี และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ส่วนสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ช่วยเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ปรับปรุง ตลอดจนสำรองเป็นค่าใช้จ่าย เปิดโอกาสให้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี กลุ่มนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท (ลูกค้ามีศักยภาพแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินกู้สูงสุด 1 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี 3 ปีแรก และกลุ่มบุคคลธรรมดา วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (ลูกค้ามีศักยภาพแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินกู้สูงสุด 5 แสนบาท) อัตราดอกเบี้ย 5%ต่อปี 3 ปีแรก สินเชื่อ soft loan ธปท.
อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกค้าเดิมของ ธพว. วงเงินกู้ไม่เกิน 20% ของยอดคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เวลากู้ยืมนานสูงสุด 2 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 2%ต่อปี โดยช่วง 6 เดือนแรก รัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยให้แทน รวมถึง ฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 15 พ.ค.2563 ยอดอนุมัติ 5,438 ราย วงเงินรวม 11,776.94 ล้านบาท
นางสาวนารถนารี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ธพว. ยังช่วยลูกค้าในการแก้ไข ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อป้องกันการตกชั้น ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ถึงวันที่ 22 พ.ค.2563 ช่วยเหลือไปแล้ว 8,898 ราย วงเงิน 15,880.24 ล้านบาท
และช่วยเหลือลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่าย ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยชะลอการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติ สูงสุด 6 เดือน ให้ลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท มีลูกค้า ธพว. ได้รับประโยชน์ จำนวน 43,427 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 66,893 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธพว.ยังได้ รับมอบนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน และเติมทุนใหม่ ให้แก่ลูกค้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยด้านการพักชำระหนี้เงินต้น เปิดรับคำขอเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา นับถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 มีลูกค้ากองทุนประชารัฐเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 2,834 ราย วงเงินประมาณ 5,300 ล้านบาท
ขณะที่ด้านการให้เติมทุนสินเชื่อใหม่ วงเงินรวม 1,700 ล้านบาท จากกระทรวงอุตสาหกรรม คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น 1 ปี ลูกค้ากองทุนฯ ได้รับการเติมทุนกว่า 10,000 ราย
และร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “SMEs One” สนับสนุน SMEs รายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 1% ต่อปี ระยะเวลากู้นานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน เพื่อให้เอสเอ็มอีนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยายกิจการ ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือยกระดับการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินข้างต้นแล้ว ธพว.ยังช่วยเหลือด้วยมาตรการเติมความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย เพื่อจะเสริมภูมิคุ้มกันธุรกิจ ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถปรับตัวก้าวฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปได้ รวมถึง ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจแข็งแกร่งกว่าเดิมที่เคยเป็นมา ช่วยให้ในอนาคตธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เช่น
มาตรการ “วัคซีนเติมความรู้” ผ่านอบรมออนไลน์ ด้วยหลักสูตร เรียนง่ายเข้าใจเร็ว เช่น การเขียนแผนธุรกิจ, การทำบัญชี, การทำ E-Commerce ฯลฯ ที่สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองที่เว็บไซต์ wdev.smebank.co.th “วัคซีนเพิ่มรายได้” ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขายสินค้าในตลาดนัดออนไลน์ สร้างโอกาสจับคู่ธุรกิจ ด้วยเฟซบุ๊กกรุ๊ป “ฝากร้านฟรี SME D Bank” ในแฟนเพจ powersmethai และ “วัคซีนขยายตลาด” ดันสินค้าขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง เช่น Shopee, LAZADA, Thailandpostmart.com, Alibaba, LINE, JD Central เป็นต้น
โดยข้อมูล ณ 23 พ.ค. 2563 มีผู้ประกอบการเข้าใช้บริการ 18,688 ราย ด้านเติมความรู้ ผู้เข้าใช้บริการ 8,930 ราย ด้านเพิ่มรายได้จากการเปิดตลาดนัดออนไลน์ “ฝากร้านฟรี SME D Bank” ผู้เข้าใช้บริการ 6,605 ราย และกิจกรรมดันขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีผู้เข้าใช้บริการ 3,153 ราย
นางสาวนารถนารี กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ธพว.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีความห่วงใยเอสเอ็มอีไทยอย่างยิ่ง และพร้อมเดินเคียงข้างไม่ทิ้งกัน ธนาคารจึงดำเนินมาตรการช่วยเหลือ ภายใต้แนวคิดมอบวัคซีน “ความรู้คู่เงินทุน”
“นอกจากเติมเงินทุนดอกเบี้ยต่ำแล้ว ธนาคารจะเติมความรู้ควบคู่ไปด้วย เช่น การทำตลาดออนไลน์ บัญชี มาตรฐาน ฯลฯ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจะมีศักยภาพทางธุรกิจแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา สามารถปรับตัวทางธุรกิจตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค New Normal ได้เป็นอย่างดี และดำเนินธุรกิจต่อเนื่องได้อย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ ธพว.ยังทำกิจกรรมดูแลสังคมไทย ด้วยการเปิดโครงการ “ตู้ปันสุข ธพว.” มอบให้ด้วยใจ ปันให้ด้วยรัก จำนวน 2 ตู้ บริเวณด้านหน้าอาคาร SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ เพื่อแบ่งปันสิ่งของ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง และของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สนับสนุนและส่งเสริมสังคมไทยเกิดการแบ่งปันน้ำใจ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19.