“รัฐ-เอกชน-ซีพี” ผนึกผลิตหน้ากากแจกสู้โควิด-19
ท่ามกลางข่าวร้าย เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก หันดูที่เมืองไทย มีการกักตุน “หน้ากากอนามัย” ขายแพง แถมคุณภาพต่ำ ทว่ายังจะพอมีข่าวดีให้ได้ยิน หลังจากภาครัฐ-เอกชน รวมถึงเครือซีพี ประกาศจะผลิต “หน้ากากอนามัย” แจกจ่ายคนไทย แต่ระหว่างนี้…คนไทยต้องดูแลตัวเองไปก่อน
สถานการณ์…เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แพร่ระบาดไปทั่วโลก จัดว่า…เข้าขั้นอุกฤษฎ์แล้ว เพราะแม้กระทั่ง ดินแดนห่างไกลอย่าง ไอซ์แลนด์ ประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และมีประชากรเพียงไม่กี่แสนคน ยังมีผู้ติดเชื้อฯมากถึง 26 คน
จากตัวเลขผู้ป่วยฯ ที่มีเพียง 14 คน ณ วันที่ 4 มี.ค. เพิ่มเป็น 26 คน ในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 12 คน เป็นอะไรที่น่ากังวลใจไม่น้อย
เช่นกัน กับประเทศที่ไม่ใช่จีน แต่มีอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ โดยเฉพาะที่ อิตาลี อิหร่าน และเกาหลีใต้ เฉพาะวันที่ 5 มี.ค.วันเดียว มีอัตราการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว สูงถึง 587 586 และ 467 คน ตามลำดับ
ติดอันดับการติดเชื้อไวรัสฯประจำวัน…มากที่สุดในโลก
เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน กลายเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มากสุดเป็นอันดับ 2 3 และ 4 ของโลก รองจากจีน ที่มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ณ วันที่ 5 พ.ค.สูงถึง 80,411 คน
โดยเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว 6,088 คน อิตาลี 3,089 คน และอิหร่าน 2,922 คน
ทำให้ขณะนี้ (5 พ.ค.) ทั่วโลก…มีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวไปแล้วมากถึง 95,748 คน และมีแนวโน้มว่าอัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีมากขึ้นในทุกๆ วันอย่างต่อเนื่อง และเกิดขึ้นทั่วโลก!!!
พูดได้เต็มปากว่า…ไวรัสโควิด-19 ที่มีจุดเริ่มจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บัดนี้…กลายเป็น “โรคระบาดติดต่อร้ายแรง” ของมนุษยชาติ ไปแล้ว
กลับมาที่ ประเทศไทย…แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4 คน จนมียอดสะสม ณ วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา 47 คน ติดอันดับ 19 ของโลก (TOP 20)
แต่คนไทยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ยังจำเป็นจะต้องดูแลตัวเองและคนในครอบครัวในระดับเข้มข้นต่อไป ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ
หนึ่ง…มีผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่กักขังตัวเองอยู่แต่ในที่ๆ ปลอดภัยจากการแพร่เชื้อฯ อย่างที่ภาครัฐต้องการในช่วงเวลา 14 วัน แต่กลับเดิบทางไปไหนต่อไหน โดยเฉพาะในที่ชุมชน อย่าง…ห้างสรรพสินค้า ด้วยระบบรถโดยสารสาธารณะ (รถแท็กซี่ รถเมล์ รถไฟฟ้า)
นั่นจึงทำให้เกิดภาวะความเสี่ยงของการแพร่ระบาดและการติดเชื้อฯที่มีสูงมากๆ
อีกหนึ่ง…อุปกรณ์ป้องกัน อย่าง “หน้ากากอนามัย” มีราคาแพง และหาได้ยาก เป็นเพราะมีผู้กักตุนสินค้า และหวังทำกำไรจากภาวะการตื่นตระหนกของผู้คน
แถมมิจฉาชีพบางกลุ่ม ยังแอบนำ “หน้ากากอนามัย” ใช้แล้ว มาผลิตใหม่และนำออกวางจำหน่าย !!!
ไม่นับรวมโรงงานที่ไร้มาตรฐาน ทำการผลิต “หน้ากากอนามัย” ที่ไม่ได้คุณภาพ และไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ กระทั่งมีการนำออกมาขายอีกด้วย
จึงไม่แปลก! หากจะมีภาพที่ปรากฏให้ได้เห็น นั่นคือ ภาพที่ฝูงชนเข้าคิวรอซื้อ “หน้ากากอนามัย” จากกระทรวงพาณิชย์ เมื่อ 2 วันก่อน
ท่ามกลางข่าวร้าย คนไทยยังพอจะได้เห็นข่าวดีกันบ้าง
นั่นเพราะวันรุ่งขึ้น (5 มี.ค.)…มี 2 ข่าวดีเกิดขึ้นในประเทศไทย หลังจาก รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เดินทางไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อประชุมร่วมกับผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่ผลิต “หน้ากากอนามัย” “เจลล้างมือ” “แอลกอฮอล์” และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพฯ จัดเวทีนี้ขึ้นมา
สรุปความได้ว่า…จากนี้ไป ภาครัฐและเอกชนกว่า 50 ราย จะร่วมมือและเร่งหาแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ พันธะสัญญาที่จะผลิต “หน้ากากอนามัย” ชนิดผ้า…ให้ได้ถึง 30 ล้านชิ้น แจกจ่ายคน 10 ล้านคนในเมืองใหญ่ ที่มีโอกาส…แพร่และรับเชื้อไวรัสฯ มากเป็นอันดับต้นๆ เสียก่อน
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนนับจากนี้
อีกข่าวดี ก็คือ เจ้าสัวเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) อย่าง… นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสฯ ประกาศว่าจะใช้เงินกว่า 100 ล้านบาท และเครือข่ายการลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลก เร่งจัดหาวัตถุดิบและเครื่องจักร เพื่อทำการ ผลิต “หน้ากากอนามัย” ให้ได้ 3 ล้านชิ้นต่อเดือน นำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลมีความจำเป็น และประชาชนที่ยังขาดโอกาสเข้าถึง
นายธนินท์ คาดว่าจะใช้เวลาจากนี้อีกราว 5 สัปดาห์ในการสร้างโรงงานผลิต จากนั้น จึงจะเริ่มแจกจ่ายไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ เหตุผลที่ตัวเขาและเครือซีพีต้องทำเช่นนี้ นั่นเพราะ…เป็นหน้าที่ในฐานะคนไทยและธุรกิจของคนไทย
“เราจะผลิตหน้ากากอนามัย แจกฟรี! ให้แก่พี่น้องชาวไทย เพราะถือเป็นหน้าที่ของเครือซีพี และเราก็มีความตั้งใจที่จะทำเพื่อประเทศไทยอย่างดีที่สุด เพราะเครือเจริญโภคภัณฑ์เกิดและเติบโตในประเทศไทยมาจนเกือบครบ 100 ปีแล้ว เราจึงเข้าใจในช่วงนาทีที่ยากลำบากนี้ และคิดว่าภาคธุรกิจหลายองค์กรก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเรา โดยหลังเข้าสู่ภาวะปกติ โรงงานนี้จะดำเนินการโดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะมอบให้กับศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาฯ ต่อไป” นายธนินท์ ระบุ
แม้จะมีข่าวดีแทรกขึ้นมาท่ามกลางข่าวร้าย แต่กว่าที่กระทรวงอุตสาหกรรม และเครือซีพี จะผลิตและแจกจ่าย “หน้ากากอนามัย” ให้กับประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์ได้ ก็ต้องใช้เวลาสั้นสุด 4-5 สัปดาห์นับจากนี้
จึงเป็นอะไรที่คนไทย…ยากจะวางใจต่อการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระดับโลกนี้อีกต่อไป
อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ และอีก 4-5 สัปดาห์ข้างหน้า พวกเราคนไทยก็ควรจะลดความเสี่ยง ทั้งต่อการแพร่ระบาดและรับเชื้อไวรัสฯ ด้วยสามัญสำนึกและจิตใจที่ยึดโยงกับหลักมนุษยธรรม
ใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง…ทั้งที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศเหล่านั้น และ/หรือ สัมผัส-ติดต่อกับกลุ่มคนดังกล่าว จำเป็นต้องกักตัวเองไว้ในที่ที่ควรอยู่ จนกว่าจะมั่นใจว่า…คุณไม่ใช่ “กลุ่มแพร่เชื้อฯ”
ขณะเดียวกัน ใครที่ยังไม่ติดเชื้อฯ ก็อย่าได้ชะล่าใจเป็นอันขาด พยายามอยู่ห่างๆ จุดเสี่ยงทั้งหมด แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็ต้องหาวิธีป้องกันตัวเอง
“หน้ากากอนามัย” ก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ดีที่สุดคือ พยายามล้างมือบ่อยๆ และอย่าได้ใช้มือไปสัมผัสจุดเปราะบาง เช่น ดวงตา ปาก และจมูก ระหว่างอยู่ในพื้นที่สาธารณะ เป็นอันขาด เพราะมีโอกาสจะได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
เราเตือนคุณแล้ว!!!.