ธนารักษ์ขับเคลื่อนแรง/เข็นราคาที่ดินใหม่ปีนี้
กรมธนารักษ์ ยุค “ยุทธนา หยิมการุณ” เข้มข้ามปี หลังลุยขับเคลื่อน 3 โครงการหลัก ตอบโจทย์ขับเคลื่อน “เศรษฐกิจฐานรากประชารัฐสร้างไทย” ของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง เผยราคาที่ดินใหม่ขยับแรง 5-10% ในพื้นที่เมืองหลวงและปริมณฑล คาดปลายปีนี้ได้เห็นราคาใหม่แน่
จัดเป็น “อธิบดีใหม่” ที่ขยันขันแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องเพราะ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงพื้นที่เกาะติด…ดำเนินการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน สานต่อนโยบายทั้งในระดับรัฐบาล และระดับกระทรวงการคลัง
โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ “เศรษฐกิจฐานรากประชารัฐสร้างไทย” อันเป็นอีกหนึ่งนโยบาย “หัวใจสำคัญ” ของรัฐชุดนี้ ต่อประชาชนคนรากหญ้ามากกว่า 40 ล้านคนทั่วไทย
กระทั่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจในซีกของพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง คนกำกับดูแลโดยตรง ยังเอ่ยปากชม
3 โครงการที่กรมธนารักษ์ยุคนี้ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน คือ 1.โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” โดยดึงเอาส่วนราชการ ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงการคลัง มาประชุมหารือเพื่อรับฟังปัญหาและร่วมหาแนวทางแก้ไขในลักษณะการ “บูรณาการ” การทำงานร่วมกัน
2.มอบหนังสือสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุให้กับชาวบ้านที่เคยบุกรุกที่ราชพัสดุ และครอบครองที่ดินดังกล่าวมาก่อนวันที่ 4 ต.ค.2546 เพื่อลดปัญหาการบุกรุกที่ดิน โดยเฉพาะในส่วนของที่ราชพัสดุ ซึ่งเหลืออยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ราว 3% ของพื้นที่ทั้งหมด 12.5 ล้านไร่
และ 3.ดำเนินการเปิดตลาดชุมชนในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ได้ทำมาค้าขายสินค้าท้องถิ่นชุมชนเป็นถือเป็นการสร้างอาชีพและรายได้เสริมจากอาชีพปกติ สอดรับแนวนโยบายการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนข้างต้นได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด กับโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ที่นายยุทธนาตั้งเป้าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2562 ถือว่า…แล้วเสร็จเกือบจะสมบูรณ์ ติดขัดในเชิงเทคนิคแค่ในจังหวัดสมุทรสาครเพียงแห่งเดียว
นั่นหมายความว่า…76 จังหวัดก่อนนี้ ต่างได้รับการขับเคลื่อนการดำเนินงานฯ ผ่านกลยุทธ์ “ดาวกระจาย” เช่นที่นายยุทธนา ได้วางยุทธศาสตร์ “แยกกันเดิน ร่วมกันตี” เอาไว้ตามแผนทุกประการ
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวกับเว็บไซต์ AEC10NEWS ว่า กับจังหวัดสมุทรสาคร “หนึ่งเดียว” ที่ยังคงติดค้าง เพราะติดขัดปัญหาในเชิงเทคนิคนั้น น่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือน ม.ค.2563 อย่างไรก็ดี แม้โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” จะดำเนินการครบทั้ง 77 จังหวัด แต่กรมธนารักษ์จะไม่หยุดดำเนินการเพียงแค่นี้ โดยจะหมุนเวียนไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ได้ครบจังหวัดละ 10 ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นและตอกย้ำนโยบายดังกล่าว ควบคู่ไปกับการมอบหนังสือสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุฯและจัดทำตลาดนัดชุมชน ในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้
สำหรับการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศที่ยังไม่มีการประกาศใช้นั้น นายยุทธนา กล่าวว่า เพราะจะต้องนำราคาประเมินฯใหม่ เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการประเมินราคาสินทรัพย์เพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ตาม พ.ร.บ.การประเมินราคาสินทรัพย์เพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562 ซึ่งขณะนี้ ยังรอกฎหมายลูกอีกเพียงเล็กน้อย คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานนัก เนื่องจากบางเรื่องเป็นแค่กฎกระทรวงที่หากกฎหมายแล้วเสร็จ ก็สามารถประกาศใช้ได้ทันที เพราะกฎหมายแม่ ซึ่งถือเป็น “กฎหมายหลัก” เสร็จเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนของราคาประเมินที่ดินใหม่นั้น ทั่วประเทศคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ราว 1-3% แต่ในส่วนของที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มราคาประเมินราว 5-10% ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ใกล้แหล่งธุรกิจและแนวรถไฟฟ้ามากแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปกติกรมธนารักษ์จะต้องประเมินราคาที่ดินใหม่ทั่วประเทศในทุกๆ 4 ปี (ครั้งล่าสุด ที่มีการประกาศใช้ราคาประเมินใหม่ เกิดขึ้นระหว่างปี 2559-2562) โดยจะต้องประกาศปรับราคาที่ดินใหม่ของปี 2563-2566 ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2562 แต่เนื่องจากมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งกฎหมายแม่และกฎหมายลูก จึงต้องเลื่อนประกาศปรับราคาประเมินใหม่ออกไปอีก 1 ปี
นั่นหมายความว่า…การประกาศปรับราคาที่ดินครั้งใหม่ น่าจะเกิดขึ้นในช่วง เดือน พ.ย.-ธ.ค.2563 หรืออีก 11 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ภารกิจของกรมธนารักษ์ ภายใต้การกำกับดูแลเชิงนโยบายจาก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ก็น่าจะต้องเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงแค่กรมธนารักษ์ หากแต่กรมศุลกากร รวมถึงส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดอื่นๆ อาจต้องแข็งขันในการดำเนินงานมากกว่าเดิม เนื่องเพราะนายสันติ มีแผนจะเดินหน้าสร้างผลงานมากกว่าในช่วงปีแรกที่เข้ามาทำหน้า “รมช.คลัง”
แน่นอนว่า…การประกาศปรับราคาที่ดินครั้งใหม่ (ปี 2563-2566) รวมถึงโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” การมอบหนังสือสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุฯ และการเปิดตลาดชุมชนฯ ในส่วนความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ จะถูกนำไปใช้เป็นอีกผลงานสำคัญของ “รมช.คลัง” คนนี้
และนั่น…จะทำให้การดำเนินงานตามนโยบายฝ่ายการเมืองของกรมธนารักษ์ และหน่วยงานอื่นๆ ในกำกับดูแลของนายสันติ คงจะเข้มข้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ตลอดทั้งปีนี้และปีต่อๆ ไป ตราบเท่าที่อายุของรัฐบาลชุดนี้…ยังคงมีอยู่!!!.