ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น
SCB CIO Office ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีความคืบหน้ามากขึ้น
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังนักลงทุนคลายความกังวลข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ ตลาดหุ้นจีน ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงแรก แต่ลดช่วงบวกลง หลังสหรัฐฯกำลังพิจารณาคำขอของบริษัทสหรัฐฯ ที่จะส่งออกสินค้าแก่ บริษัทหัวเว่ย ตามนโยบาย “สันนิษฐานให้ปฏิเสธไว้ก่อน” ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมัน ปิดลบ แม้ว่ากลุ่มโอเปก และนอกโอเปกจะบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน ก็ตาม และราคาทองคำ ปรับลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก เนื่องจาก นักลงทุนคลายความกังวลข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และ จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขาดดุลการค้า และดัชนีภาคบริการอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯลดช่วงบวกลง จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่แข็งแกร่งเกินคาด ได้ทำลายความหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ค.นี้ลง
ตลาดหุ้นไทย ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจาก นักลงทุนยังรอดูผลการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะประกาศนโยบายเศรษฐกิจในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ รวมทั้ง นักลงทุนรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2562 ที่ใกล้จะเริ่มขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น โดยนักลงทุนให้น้ำหนักต่อการเปิดเผยรายงานการประชุมของ Fed และการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธาน Fed เพื่อบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ค.นี้ และจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้รวม 3 ครั้ง ดังนั้น หากการส่งสัญญาณของ Fed เรื่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ อาจทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นที่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากนับตั้งแต่ต้นปี และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นได้ สำหรับการเจรจาการค้าในระดับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และจีน ยังถือว่ามีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าจีนจะกำลังพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรบางรายการจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และเนื้อหมู แต่ก็มีเงื่อนไขที่ต้องขึ้นกับพัฒนาการของการเจรจาการค้าครั้งใหม่นี้ด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างก็มีจุดยืนที่แตกต่างกันในหลายประเด็น ส่งผลให้การเจรจาทางการค้ามีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ ด้านราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จาก สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
นักลงทุนจับตาการส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed ผ่านทางรายงานการประชุม Fed เดือน มิ.ย. และการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของ นายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านการธนาคาร การเคหะ และกิจการเมือง ในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้ ซึ่งเราคาดว่า ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จะช่วยสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความกังวลว่า Fed อาจจะไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมในเดือน ก.ค.นี้ หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด