Skip to content
Mon. Oct 27th, 2025
  • Facebook
  • Twitter
AEC10NEWS

AEC10NEWS

Primary Menu
  • Home
  • NEWS
    • BREAKING NEWS
    • CHINA NEWS
    • ENERGY FORCE
    • EDITOR TALK
    • MONEY MOVEMENT
    • NATIONAL
    • OPEN NEWS
    • POLITICS
    • WORLD
    • ดวงประจำวัน
  • ASEAN
    • Brunei
    • Cambodia
    • Indonesia
    • Laos
    • Malaysia
    • Myanmar
    • Philippines
    • Singapore
    • Vietnam
  • EEC
  • SPECIAL REPORT
  • BUSINESS
    • BUSINESS MOVEMENT
    • HOT MARKETS
    • PHOTO STORIES
  • SPECIAL REPORT
  • HOT NEWS

Dedollarization : เมื่อดอลลาร์สหรัฐอาจไม่ใช่ศูนย์กลางของระบบการเงินโลกอีกต่อไป

08/09/2025 1 min read
Dedollarization : เมื่อดอลลาร์สหรัฐอาจไม่ใช่ศูนย์กลางของระบบการเงินโลกอีกต่อไป
  • LINEแชร์เลย!
ดูแล้ว: 1,682

สินทรัพย์สหรัฐฯ เริ่มเผชิญปัญหาความเชื่อมั่น สะท้อนจากตลาดการเงินช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า พร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อดอลลาร์สหรัฐ และสินทรัพย์สหรัฐฯ ที่ลดลง ผลจากความไม่แน่นอนและความสุดโต่งของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายการค้า ส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ 

สหรัฐฯ สูญเสียอำนาจทางเศรษฐกิจมาพักใหญ่แล้ว สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจึงลดบทบาทลงไปบ้าง แต่โลกยังคงเชื่อมั่นว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหลัก

ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาสัดส่วนมูลค่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจโลกปรับลดลง ขณะที่จีนและประเทศตลาดเกิดใหม่เริ่มมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ทำให้ความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐปรับลดลงไปบ้าง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ กีดกันการเข้าถึงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศของประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ หลายประเทศจึงต้องกระจายความเสี่ยงออกจากการถือดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศลงบ้าง อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและใช้ทำธุรกรรมระหว่างประเทศของโลกอยู่

นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันจะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ เสื่อมถอยลง และเร่งกระบวนการ Dedollarization

แม้ในระยะสั้นจะเห็นดอลลาร์สหรัฐผันผวนตามความไม่แน่นอนและความสุดโต่งของนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ในระยะต่อไป นโยบายเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในพื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง ทั้งประเด็นความไม่ยั่งยืนของหนี้สาธารณะ ซึ่งจะมีความเสี่ยงมากขึ้นจากแผนการคลังในระยะสั้น-ปานกลางที่จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่อย่างต่อเนื่อง และประเด็นคุณภาพสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เสื่อมถอย โดยเฉพาะความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งเป็นผู้ดูแลเสถียรภาพของดอลลาร์สหรัฐโดยตรง 

ตอนนี้ยังไม่มีสกุลเงินใดสามารถทดแทนบทบาทของดอลลาร์สหรัฐได้ในโลก

อาจมองได้ว่าดอลลาร์สหรัฐมี 2 ฐานะหลักในระบบการเงินโลก คือ (1) เป็นสื่อกลางชำระเงินของธุรกรรมการค้า
และการลงทุนระหว่างประเทศ และ (2) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe asset) ในการรักษามูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีสกุลเงินใดสามารถทดแทนดอลลาร์สหรัฐ ได้ทั้ง 2 บทบาทหลักนี้ บางสกุลอาจเหมาะจะใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ แต่ก็อาจไม่เหมาะที่จะถือไว้เป็นทุนสำรองฯ หรือบางสกุลอาจเหมาะสมที่จะถือเป็นทุนสำรองฯ แต่ก็อาจไม่เหมาะสมที่จะใช้ทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

SCB EIC มองว่า ดอลลาร์สหรัฐจะยังเป็นสกุลเงินหลักในระบบการเงินโลกในระยะข้างหน้า แต่ความสำคัญจะทยอยลดลง

ประเมินว่าดอลลาร์สหรัฐจะยังเป็นสกุลเงินหลักในระบบการเงินของโลกต่อไป เพราะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของสหรัฐฯ นับว่ามีความก้าวหน้าที่สุดในโลก ตลาดการเงินสหรัฐฯ จึงมีขนาดใหญ่และมีความลึก แต่ความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐ จะทยอยลดลงจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยลดลง หลายประเทศอาจมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง และอาจใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าการลงทุนมากขึ้น 

ประเทศไทยสามารถใช้สกุลเงินอื่นในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศมากขึ้นเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและถือสินทรัพย์ปลอดภัยหลายสกุลขึ้น

ความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเปิดอย่างไทยโดยตรง ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยน
และมูลค่าสินทรัพย์ต่างประเทศที่ถือครอง ภาครัฐและภาคเอกชนไทยจึงควรพิจารณากระจายความเสี่ยง ทั้งการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยจากหลากหลายประเทศมากขึ้น และการใช้สกุลเงินอื่นในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อลดความเปราะบางจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินในสภาพแวดล้อมโลกที่ไม่แน่นอนจากนโยบายของสหรัฐฯ

ทำไม Dedollarization ถูกพูดถึงมากขึ้นในช่วงเวลานี้

ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักของระบบการเงินโลกมานานกว่าร้อยปี เป็นผลจากปัจจัยเสถียรภาพของประเทศ
ความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ กลไกตลาดเสรีของสหรัฐฯ และปัจจัยเชิงสถาบันที่แข็งแกร่ง ล้วนเป็นปัจจัยดึงดูดให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และนักลงทุนทั่วโลกใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักในการค้า การลงทุน การชำระเงิน
และทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดอลลาร์สหรัฐเริ่มเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย เช่น ความสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มถดถอยลงหลังเศรษฐกิจจีนขึ้นมามีบทบาทในโลกมากขึ้นหลังเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2001 หนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ สะสมสูงขึ้นมาก ภาคการคลังสหรัฐฯ สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพ
ของประเทศ รวมทั้งปัจจัยเชิงสถาบันของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีความน่าเชื่อถือลดลง

รูปที่ 1 : ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เคลื่อนไหวสวนทางกันตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariff) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2025

ความเชื่อมั่นต่อดอลลาร์สหรัฐเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งสมัยที่สอง พร้อมออกชุดนโยบายเศรษฐกิจ นโยบายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และนโยบายการคลังที่มีลักษณะแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อน ๆ มาก โดยอาศัยอำนาจบริหาร เช่น การออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive order) มากเกินกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนอื่น ๆ รวมถึงความพยายามที่จะแทรกแซงการดำเนินงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเฉพาะนโยบายการเงิน ส่งผลให้กระแส Dedollarization หรือการลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในระบบเศรษฐกิจการเงินโลกเร่งตัวกว่าเทรนด์เดิม ทั่วโลกเริ่มกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐลง และมองหาสกุลเงินทางเลือกอื่น 

สังเกตได้จากดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีทรัมป์
ได้ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariff) เป็นครั้งแรก (รูปที่ 1) โดยปกติแล้วดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมักเคลื่อนไหวไปตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวคือหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ปรับเพิ่มขึ้น นักลงทุนก็มักจะเคลื่อนย้ายเงินมาลงทุนในสหรัฐฯ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีอุปสงค์ต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่หลังวันที่ 2 เม.ย. ดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าลงสวนทางอัตราผลตอบแทนรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเพราะความไม่แน่นอนของนโยบายหลัก คือ

• นโยบายการค้า สหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้คู่ค้าทั่วโลกในช่วง 10 – 50 % ขึ้นอยู่กับการเจรจา

แต่ละประเทศ นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากกว่าในอดีตที่เคยทำมา และแนวนโยบายนี้ปรับเปลี่ยนบ่อย

ทั้งเรื่องอัตราภาษี และกำหนดวันบังคับใช้ นักลงทุนจึงเริ่มมองว่านโยบายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งอาจรวมถึงนโยบายเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ อาจมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากสหรัฐฯ ไปสินทรัพย์ปลอดภัยประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) อ่อนค่าลง

• นโยบายการเงิน ช่วงจังหวะที่ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าต้นเดือน เม.ย. สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ กำลังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังอยู่เหนือเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ 2% นโยบายการเงินสหรัฐฯ จึงน่าจะทยอยผ่อนคลายลงจากระดับดอกเบี้ยที่สูงมากได้ แต่การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเป็นวงกว้างและอัตราสูงขึ้นกว่าตอนต้นปีมาก อาจกดดันให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ปรับลดลงตามทิศทางก่อนหน้า หรืออาจกลับมาเร่งตัวสูงขึ้นอีกครั้ง จึงพอจะเห็นได้ว่าความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินตามมา โดย ณ ขณะนั้นตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ โดยรวมปรับสูงขึ้น

พัฒนาการของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลไปยังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนี้อาจส่งผลต่อไทยซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิด
และพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่มาก ทั้งด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe asset) และด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ

Dedollarization ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นผลจากปัจจัยเศรษฐกิจและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ตลอด 2 ทศวรรษ

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิงและสกุลเงินท้องถิ่นของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นสกุลเงินหลักของโลกมีสัดส่วนรวมกันกว่า 95% ของมูลค่าเงินสำรองโลก แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผู้ชนะสงคราม สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำในการวางระบบการเงินโลกขึ้นใหม่ผ่านระบบ Bretton-woods โดยผูกค่าเงินท้องถิ่นของประเทศพันธมิตรไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐผูกมูลค่าไว้กับทองคำอีกต่อ ทำให้ความนิยมถือดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยกเลิกระบบ Bretton-woods ในปี 1971 ไม่ได้ผูกมูลค่าดอลลาร์สหรัฐไว้กับทองคำอีกต่อไป แต่การใช้ดอลลาร์สหรัฐยังคงแพร่หลายในโลกจากบทบาทของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงระบบการเงินและการค้าโลก

รูปที่ 2 : บทบาทสหรัฐฯ ในฐานะศูนย์กลางอำนาจของเศรษฐกิจโลกลดลง ขณะที่จีนสำคัญมากขึ้น   

หลังจากจีนเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) ตั้งแต่ปี 2001 สถานะของสหรัฐฯ ในฐานะศูนย์กลางอำนาจทางเศรษฐกิจในโลกเริ่มถดถอยลง จีนเริ่มมีอำนาจทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากการเร่งพัฒนาการผลิตและเทคโนโลยีเพื่อส่งออกสินค้าราคาถูกสู่ตลาดโลก บทบาทของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลงจากที่สัดส่วนราว 35% ของเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 1985 เหลือเพียง 26% เท่านั้นในปัจจุบัน (รูปที่ 2) ขณะที่บทบาทของเศรษฐกิจจีนเพิ่มขึ้นรวดเร็วจากสัดส่วนเพียง 2% ของเศรษฐกิจโลกในปี 1985 เพิ่มเป็น 17% ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสถานะทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจในโลกเช่นนี้ย่อมกระทบต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากบทบาทความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการเงินโลกนับเป็นปัจจัยข้อหนึ่งที่สนับสนุนให้ดอลลาร์สหรัฐยังเป็นสกุลเงินอันดับหนึ่งตลอดศตวรรษที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย–ยูเครนในปี 2022 สหรัฐฯ เริ่มใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือภูมิรัฐศาสตร์ในการคว่ำบาตรรัสเซีย ผ่านการตัดรัสเซียออกจากระบบการชำระเงินระหว่างประเทศหรือ SWIFT และระงับการเข้าถึงเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ทำให้ในเวลานั้นค่าเงินรูเบิลอ่อนตัวรุนแรงและรัสเซียต้องใช้สกุลเงินท้องถิ่นค้าขายกับคู่ค้าที่ไม่ได้คว่ำบาตรรัสเซีย เช่น จีน ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์จึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การถือครองดอลลาร์สหรัฐมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะสหรัฐฯ อาจใช้สถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองและสื่อกลางของระบบการชำระเงินโลก เป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ทุกเมื่อ จึงเริ่มเห็นธนาคารกลางหลายแห่งเพิ่มสัดส่วนทองคำในเงินสำรองระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารกลางจีน, รัสเซีย, ตุรกี และอินเดีย เนื่องจากมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและไม่ขึ้นกับนโยบายหรือรัฐบาลประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยข้อมูลจาก IMF แสดงสัดส่วนดอลลาร์สหรัฐในตะกร้าเงินสำรองระหว่างประเทศของโลก พบว่า สัดส่วนลดลงชัดเจนจาก 71% ในปี 2000 เหลือ 58% ในปี 2024 แต่ก็ยังทิ้งห่างจากสกุลเงินสำรองอันดับรองลงมาอยู่มาก เช่น ยูโรหรือเยน ซึ่งมีสัดส่วน 19.8% และ 5.8% ในปี 2024 ตามลำดับ(รูปที่ 3)

รูปที่ 3 : สัดส่วนดอลลาร์สหรัฐในเงินสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกทยอยปรับลดลง

ในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แม้เงินหยวนจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นมาก (รูปที่ 4) แต่ดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินหลัก สัดส่วนการทำธุรกรรมค่อนข้างคงที่ราว 88% (ปี 2001-2024) เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงินสหรัฐฯ มีความซับซ้อนและก้าวหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ อีกทั้ง ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ดอลลาร์สหรัฐมีสภาพคล่องสูงมากในการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดการเงินสหรัฐฯ นอกจากนี้ ปัจจัยเชิงสถาบันของสหรัฐฯ อาทิ ความเป็นอิสระของธนาคารกลางและกลไกตลาดเสรี เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้ความเชื่อมั่นในดอลลาร์สหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง

รูปที่ 4 : สัดส่วนการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวในระดับสูง

บทบาทของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนไป ยิ่งเร่งกระแส Dedollarization

หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สองนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐผันผวนในระยะสั้น ตามการประกาศนโยบายเศรษฐกิจฉับพลันและสุดขั้วเช่น การประกาศขึ้นกำแพงภาษีประเทศคู่ค้าเป็นวงกว้าง ซึ่งมีความ
ไม่แน่นอนสูงและปรับเปลี่ยนตลอด นอกจากนี้ บางนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจมีส่วนทำให้ความเชื่อมั่นต่อดอลลาร์สหรัฐในระยะยาวปรับลดลงเช่นกัน ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่อาจได้รับผลกระทบแบ่งได้ 2 ด้านหลัก ได้แก่ ความยั่งยืนทางการคลัง และคุณภาพของสถาบันในสหรัฐฯ

1. ความยั่งยืนทางการคลัง (Fiscal sustainability)

รัฐบาลสหรัฐฯ ก่อหนี้มากขึ้นต่อเนื่องตลอดทศวรรษ โดยในปี 2024 หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามนิยาม Debt held by the public ของสหรัฐฯ) เป็นผลสะสมมาจากหลายโครงการใช้จ่ายในอดีต เช่น การเพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหาร การฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 และการลดภาษีเงินได้ครั้งใหญ่ในปี 2017 จนทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลักทั้ง 3 แห่งในโลก ได้แก่ S&P, Fitch และ Moody’s ต่างปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับสูงสุดลง 1 Notch ณ วันที่ 5 ส.ค. 2011, 2 ส.ค. 2023, และ 19 พ.ค. 2025 ตามลำดับ เนื่องจากประเทศสหรัฐฯ ขาดเสถียรภาพทางการคลัง และรัฐบาลขาดความพยายามในการแก้ปัญหานี้

เสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ มีความเสี่ยงรุนแรงขึ้นอีก หลังประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในกฎหมาย One Big Beautiful Budget Act เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2025และจะทยอยมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และ 2026 ครอบคลุมมาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลครั้งใหญ่ และเพิ่มงบประมาณป้องกันประเทศ สำนักวิจัยต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ประเมินว่ากฎหมายนี้อาจทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากราว 100% ของ GDP ในปี 2025 จนเกิน 120% ของ GDP ภายในปี 2035 (รูปที่ 5) ภาระดอกเบี้ยเงินกู้จะกลายเป็นรายจ่ายหลักของรัฐบาลในช่วงทศวรรษหน้า สร้างความกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้ ความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจในยามวิกฤตของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อวิกฤตความเชื่อมั่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ หากไม่มีแผนควบคุมการขาดดุลภาครัฐอย่างจริงจัง

รูปที่ 5 : หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีแนวโน้มไม่ยั่งยืนในระยะปานกลาง

2. คุณภาพของสถาบันในสหรัฐฯ (Institutional Quality) 

ปัจจัยเชิงสถาบันที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนให้ดอลลาร์สหรัฐมีบทบาทสำคัญในโลกตลอดมา ส่วนหนึ่งเห็นได้จากการแบ่งขอบเขตอำนาจในการกำหนดหน้าที่และการดำเนินนโยบายของแต่ละองค์กรภาครัฐที่ชัดเจนโปร่งใส ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายของสหรัฐฯ จึงไม่สูงนัก นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินของสหรัฐฯ ในระดับสูง อย่างไรก็ดี ปัจจัยสถาบันในสหรัฐฯ ทยอยเสื่อมถอยลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจากการแบ่งขั้วทางการเมือง (Political polarization) ที่รุนแรงขึ้น หลักนิติธรรม(Rule of Law) ถดถอย สะท้อนจากดัชนี Rule of Law Index และ Liberal Democracy Index ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงชัดเจนตั้งแต่ปี 2017 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์รับตำแหน่งสมัยแรก 

รูปที่ 6 : คุณภาพของปัจจัยเชิงสถาบันในสหรัฐฯ ทยอยปรับแย่ลง โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2017

ความเสื่อมถอยของคุณภาพสถาบันของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเร่งตัวในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่ระบบตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance) ในระบบการเมืองสหรัฐฯ เริ่มไม่มีประสิทธิภาพจากการใช้อำนาจบริหารจนสุดหรือเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ จะอนุญาตได้ และนำมาสู่คดีความเป็นจำนวนมาก ขณะที่อำนาจนิติบัญญัติประกอบไปด้วยบุคคลซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนอำนาจตุลาการ มีผู้พิพากษาส่วนหนึ่งที่ถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ในสมัยแรก นอกจากนี้ กระบวนการทางยุติธรรมของสหรัฐฯ มีลักษณะที่ใช้เวลายาวนานกว่าคดีจะสิ้นสุด ดังนั้น อำนาจนิติบัญญัติและตุลาการจึงมีความสามารถในการสอบทานอำนาจบริหารได้ลดลง โดยเฉพาะในระยะสั้น ส่งผลให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาตั้งแต่ต้นปีนี้มีความสุดโต่งและไม่แน่นอนสูงขึ้นมาก

อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัจจัยเชิงสถาบันของสหรัฐฯ เสื่อมถอยรุนแรงขึ้นในปี 2025 เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์สมัยที่สองพยายามจะแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานอิสระ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เป็นผู้กำกับดูแลเสถียรภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้เป็นการลดทอนความเชื่อมั่นต่อค่าเงินโดยตรง โดยรัฐบาลทรัมป์มีท่าทีกดดันและพยายามจะลดทอนความเป็นอิสระของ Fed ในหลายรูปแบบที่ไม่เคยเห็นจากรัฐบาลชุดก่อน ๆ เช่น

• ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์ถึงความต้องการจะเปลี่ยนประธาน Fedก่อนครบกำหนดวาระในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 อย่างต่อเนื่อง 

• คำสั่งปลด Lisa Cook ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ว่าการ Fed (Federal Reserve Board Governor) โดยในปัจจุบัน (กันยายน 2025) กระบวนการนี้ยังอยู่ในชั้นศาลและอาจขึ้นไปสู่ศาลสูงสุดสหรัฐฯ (US Supreme Court)โดยหากรัฐบาลทรัมป์ปลดได้สำเร็จ จะเป็นการปลดกรรมการ Fed ครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี

• การประกาศแต่งตั้ง Stephen Miran นักเศรษฐศาสตร์ที่เสนอแนวคิด Mar-a-lago Accord ซึ่งมีเป้าหมาย

ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างถาวร เป็นกรรมการผู้ว่าการ Fed (Federal Reserve Board Governor) แทน Adriana Kugler ที่ลาออกไปก่อนครบวาระตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2025

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลทรัมป์พยายามควบคุมการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการให้ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและมากขึ้นตามที่ทรัมป์ต้องการ การแทรกแซงหน่วยงานอิสระของสหรัฐฯ ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์สหรัฐโดยตรง

ทางเลือกถือเงินสกุลอื่นช่วยกระจายความเสี่ยง แต่ยังทดแทนดอลลาร์สหรัฐไม่ได้

เงินสกุลหนึ่ง ๆ จะครองอำนาจในระบบการเงินโลกได้อย่างยาวนานนับศตวรรษได้ จำเป็นต้องอาศัยทั้งปัจจัยสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือ ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐทำหน้าที่ทั้งสองอย่างนี้ได้ครบถ้วน กลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ทำธุรกรรมการเงิน การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงการรักษามูลค่าของเงินสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลกและปัจจัยสถาบันที่แข็งแกร่ง สามารถรักษาความเชื่อมั่นต่อการถือครองดอลลาร์สหรัฐไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

แต่ปัจจุบันความเชื่อมั่นในดอลลาร์สหรัฐและเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มลดลงจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศเอง ทั้งด้านการคลังที่ไม่ยั่งยืน และปัจจัยสถาบันที่ปรับแย่ลงการใช้เงินสกุลอื่นเป็นทางเลือกเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การที่สกุลเงินอื่น ๆ จะมีบทบาทสูงขึ้นในระบบการเงินโลกจนถึงจุดเปลี่ยนที่จะทดแทนดอลลาร์สหรัฐได้นั้น นับว่ายังมีความท้าทายอีกมาก เช่น 

(1) หากพิจารณาทางเลือกสกุลเงินของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีพื้นฐานทางสถาบันที่ดีและมีความมั่นคงทางการเมืองสูง เช่น เงินฟรังก์สวิส ดอลลาร์ออสเตรเลีย ธนาคารกลางต่าง ๆ สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ และนักลงทุน
อาจจัดสรรปรับสัดส่วนสกุลเงินทางเลือกนี้เพิ่มขึ้นในพอร์ตเงินสำรองระหว่างประเทศได้บ้าง เพื่อกระจายความเสี่ยง
จากดอลลาร์สหรัฐ แต่ด้วยขนาดเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ที่เล็กเทียบกับขนาดเศรษฐกิจโลก สภาพคล่องในระบบการเงินไม่สูง อาจทำให้สกุลเงินเหล่านี้แม้จะมีความน่าเชื่อถือสูง แต่ก็อาจยังไม่สามารถทดแทนบทบาทของดอลลาร์สหรัฐได้ ทั้งด้านสภาพคล่องที่แปรผันตามขนาดเศรษฐกิจ และด้านจำนวนธุรกรรม 

(2) หากพิจารณาบทบาทสกุลเงินหนึ่ง ๆ ที่มีบทบาทสูงขึ้นมากต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก เช่น เงินหยวนจีน นับว่ามีบทบาทมากขึ้นตั้งแต่ปี 2010 อย่างไรก็ดี แม้เงินหยวนจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในเวทีการค้าโลก แต่มาตรการของธนาคารกลางจีนในการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ (Capital control) รวมถึงข้อจำกัดการเข้าถึงตลาดการเงินโดยรวมของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศยังไม่ค่อยเปิดเสรีเต็มที่ จะเห็นได้ว่านโยบายควบคุมเงินทุนของจีนยังคงเป็นปัจจัยเชิงสถาบันที่ทำให้ความเชื่อมั่นต่อเงินหยวนในฐานะสินทรัพย์ระหว่างประเทศยังไม่สูงเทียบเท่าเงินดอลลาร์สหรัฐ 

(3) ความร่วมมือใช้สกุลเงินร่วมกันของกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ เช่น กลุ่มเศรษฐกิจ BRICS มีความได้เปรียบจากขนาดเศรษฐกิจที่มีสัดส่วนราวหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลก ธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศจึงมีปริมาณมาก แต่ปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความร่วมมือใช้สกุลเงินร่วมกัน คือ การขาดเอกภาพระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งยังมีความแตกต่างกันมากในระดับรายได้ แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ และจุดยืนนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้ง BRICS ยังขาดเงื่อนไขการเป็นอาณาเขตที่เหมาะสมกับการใช้สกุลเงินร่วมกัน (Optimal currency area) เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายทรัพยากรระหว่างกันได้ง่าย ไม่มีกลไกการแบ่งปันความเสี่ยงร่วมกัน วัฏจักรเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกันมากนัก อีกทั้ง ยังไม่มีความร่วมมือกันในการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังเหมือนกับสหภาพยุโรป

จะเห็นได้ว่า แม้จะมีความพยายามหาทางเลือกถือเงินสกุลอื่น หรือการใช้สกุลเงินร่วมกันภายในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่อย่าง BRICS แต่การทดแทนบทบาทของดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เนื่องจากยังขาดองค์ประกอบสำคัญหลายด้านที่จำเป็นต่อการสร้างความเชื่อมั่นและความสามารถในการใช้งานในระดับโลกได้เทียบเท่าดอลลาร์สหรัฐ 

SCB EIC มอง Dedollarization จะเร่งตัวขึ้น แต่ดอลลาร์สหรัฐจะยังเป็นศูนย์กลางการเงินโลกอยู่

แม้ดอลลาร์สหรัฐยังจัดว่าเป็นสกุลเงินหลักของโลก แต่บทบาทนี้เริ่มเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในช่วงหลัง ทั้งจากการเติบโตของกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ ความกังวลเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นในสถาบันหลักของสหรัฐฯ ที่เริ่มลดลง SCB EIC ประเมินว่า แม้สัดส่วนการใช้ดอลลาร์สหรัฐในระบบการเงินโลกจะทยอยลดลง แต่ดอลลาร์สหรัฐจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินระหว่างประเทศ และเป็นสกุลเงินหลักในเงินสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางทั่วโลกอยู่

หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ โครงสร้างตลาดการเงินและตลาดทุนของสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และมีความหลากหลายมากกว่าประเทศอื่นชัดเจน ทั้งในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ตลาดหุ้น และตลาดสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความลึกและหลากหลาย (รูปที่ 7) นอกจากนี้ ระบบการเงินของสหรัฐฯ ยังเปิดกว้างต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ทำให้สามารถรองรับการซื้อขายสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างจากสกุลเงินอื่นที่ยังมีข้อจำกัดด้านนี้อยู่มาก

หากย้อนดูในเชิงประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านสกุลเงินหลักของโลกมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน เช่น กรณีเงินปอนด์สเตอร์ลิงใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าจะถูกแทนที่ด้วยดอลลาร์สหรัฐ ผ่านเหตุการณ์สำคัญอย่างสงครามและวิกฤตเศรษฐกิจ ในปัจจุบันระบบการเงินโลกมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น จึงยิ่งทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่เงินสกุลใหม่ทดแทนดอลลาร์สหรัฐได้เต็มที่อาจเกิดขึ้นได้ยากกว่าเดิม 

รูปที่ 7 : ตลาดการเงินสหรัฐฯ มีความลึกนำหน้าเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ ช่วยหนุนบทบาทดอลลาร์สหรัฐ

SCB EIC จึงประเมินว่า ดอลลาร์สหรัฐจะยังคงสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven) ในระยะเวลาอันใกล้ แม้บทบาทอาจลดลงจากความผันผวนของนโยบายเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของสถาบันหลักในสหรัฐฯ โดยในอนาคตสินทรัพย์ปลอดภัยในโลกยุคใหม่อาจเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของ “ตะกร้าสกุลเงิน” (Basket of Currency) ที่มีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในสัดส่วนที่ลดลง

ขณะเดียวกัน แนวโน้ม Dedollarization มีโอกาสเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณานโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน ที่มีลักษณะกีดกันทางการค้า สร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางนโยบายการเงินและเสถียรภาพทางการคลัง ซึ่งจะส่งผลต่อความผันผวนต่อตลาดการเงินโลก รวมถึงกระแสการลดการพึ่งพาโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้หลายประเทศเริ่มมองทางเลือกอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้น แม้ดอลลาร์สหรัฐจะยังคงเป็นแกนกลางของระบบการเงินโลกจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่การกระจายความเสี่ยงทางการเงินระหว่างประเทศจะกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่หลายประเทศต้องดำเนินการ เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเตรียมพร้อมต่อภูมิทัศน์ทางการเงินโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

ผลกระทบต่อไทยและนัยต่อภาคธุรกิจ

ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศและการคลังของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินในภูมิภาคเอเชียเกิดใหม่ (EM Asia) รวมถึงเงินบาทไทยที่มีการเคลื่อนไหวผันผวนตามดอลลาร์สหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากรูปที่ 8 พบว่า ความผันผวนของดัชนีดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นชัดเจนหลังประกาศภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เมษายน ค่าเงินบาทปรับตัวผันผวนตามดัชนีดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบใกล้เคียงกันมาก สะท้อนข้อจำกัดของการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐเป็นแกนกลางของระบบการเงินและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก เช่นไทย

รูปที่ 8 : ความผันผวนของค่าเงินภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐฯ ประกาศ Reciprocal tariffs ครั้งแรก

ในด้านการบริหารสินทรัพย์ปลอดภัย (safe asset allocation) ไทยมีสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้กำลังเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดการเงินโลก ผู้จัดการสินทรัพย์จึงควรพิจารณากลยุทธ์ในการบริหารสินทรัพย์ปลอดภัย โดยกระจายความเสี่ยงอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น เช่น เพิ่มการถือครองสินทรัพย์จากประเทศที่มีเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี, พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น หรือเพิ่มการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น เช่น ทองคำ เพื่อสร้างความมั่นคงของอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างประเทศในระยะยาว

สำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ส่งออกและผู้นำเข้า การใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local currencies) ในการทำธุรกรรม เช่น  เงินหยวนหรือเงินเยน อาจช่วยลดต้นทุนการแลกเปลี่ยนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ได้ดีขึ้น เช่น ค้าขายกับธุรกิจจีนเป็นสกุลเงินหยวน หรือ ใช้เงินเยนซื้อขายกับญี่ปุ่น อีกทางเลือกหนึ่งคือการเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารรายรับค่าสินค้าส่งออกและรายจ่ายค่าสินค้านำเข้า รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพเช่น FX Swaps หรือ FX Options 

ผู้เขียนบทวิเคราะห์

นนท์ พฤกษ์ศิริ (nond.prueksiri@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส

กุศลิน จารุชาต(kusalin.charuchart@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์

วิชาญ กุลาตี (vishal.gulati@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : SCB FM มองเงินบาทแข็ง การเมืองไร้นายกฯ ไม่กระทบ

60

SHARES
Share on Facebook
Post on X
Follow us
  • LINEแชร์เลย!
Tags: สกุลเงินดอลลาร์

Continue Reading

Previous: คปภ. จับจริง บ.มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 โกงประชาชน
Next: ราคาทองคำวันนี้ (8 ก.ย. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 11 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 150

ข่าวอื่นๆ ที่น่าอ่าน

นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต

26/10/2025
"อนุทิน" ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 “อนุทิน” ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“อนุทิน” ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47

26/10/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 ต.ค. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 ต.ค. 68

26/10/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2568

26/10/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2568 1 min read
  • ดวงประจำวัน
  • HOT NEWS

ดวงประจำวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2568

26/10/2025
“ฮุน มาเนต” ส่งสารอาลัยต่อการสวรรคต "สมเด็จพระพันปีหลวง" “ฮุน มาเนต” ส่งสารอาลัยต่อการสวรรคต “สมเด็จพระพันปีหลวง” 1 min read
  • ASEAN
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

“ฮุน มาเนต” ส่งสารอาลัยต่อการสวรรคต “สมเด็จพระพันปีหลวง”

25/10/2025
รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง

25/10/2025
ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต

25/10/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 25 ต.ค. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 25 ต.ค. 68

25/10/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2568

25/10/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2568 1 min read
  • ดวงประจำวัน
  • HOT NEWS

ดวงประจำวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2568

25/10/2025
ประกาศสำนักพระราชวัง "สมเด็จพระพันปีหลวง" สวรรคต ประกาศสำนักพระราชวัง “สมเด็จพระพันปีหลวง” สวรรคต 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

ประกาศสำนักพระราชวัง “สมเด็จพระพันปีหลวง” สวรรคต

25/10/2025

China News

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม. 1 min read
  • CHINA NEWS
  • HOT NEWS

รถไฟความเร็วสูงของจีน วิ่งทดสอบความเร็ว 453 กม./ชม.

21/10/2025
LINEแชร์เลย! รถไฟหัวกระสุนที่เร็วที่สุดในโลก CR450 เริ่มการทดลองใช้งานก่อนเปิดให้บริการบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดต่อขบวนถึง 453 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หนังสือพิมพ์ไซแอนซ์แอนด์เทคโนโลยีเดลี (Science... อ่านต่อ

Start Up

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต 457C5A49-7DCB-4EA0-ACF5-B856D1843534 1 min read
  • HOT NEWS
  • START UP

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต

01/09/2022
LINEแชร์เลย! “ขอบคุณ ธพว. ที่สนับสนุน “เสียงเกษมโซล่าเซลล์” พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องกิจการ ควบคู่กับการให้คำปรึกษา แนะนำธุรกิจ... อ่านต่อ

Money Movement

SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย

24/10/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์

24/10/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.70-32.95 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.70-32.95 บาท/ดอลลาร์

22/10/2025
BBL กำไรสุทธิ์ 9 เดือน 3.8 หมื่นล้านบาท BBL กำไรสุทธิ์ 9 เดือน 3.8 หมื่นล้านบาท
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

BBL กำไรสุทธิ์ 9 เดือน 3.8 หมื่นล้านบาท

22/10/2025
KTB 9 เดือนกำไร 3.7 หมื่นล้านบาท KTB 9 เดือนกำไร 3.7 หมื่นล้านบาท
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

KTB 9 เดือนกำไร 3.7 หมื่นล้านบาท

21/10/2025
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย

SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.70-32.95 บาท/ดอลลาร์

BBL กำไรสุทธิ์ 9 เดือน 3.8 หมื่นล้านบาท

BBL กำไรสุทธิ์ 9 เดือน 3.8 หมื่นล้านบาท

KTB 9 เดือนกำไร 3.7 หมื่นล้านบาท

KTB 9 เดือนกำไร 3.7 หมื่นล้านบาท

Energy Force

“อรรถพล” เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ – เบนซิน 30 สตางค์ต่อลิตร "อรรถพล" เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ - เบนซิล 30 สตางค์ต่อลิตร 1 min read
  • ENERGY FORCE
  • HOT NEWS

“อรรถพล” เดินหน้าลดราคาดีเซล 50 สตางค์ – เบนซิน 30 สตางค์ต่อลิตร

20/10/2025
LINEแชร์เลย! “อรรถพล” เดินหน้านโยบาย Quick Big Win “ทำจริง-เห็นผลจริง” สั่งลดราคาดีเซลลง 50... อ่านต่อ

Politics

นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

นายกฯ อันวาร์ ขอบคุณ นายกฯ อนุทิน หนุนสันติภาพชายแดนผ่านการทูต

26/10/2025
"อนุทิน" ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 “อนุทิน” ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

“อนุทิน” ร่วมถกสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 47

26/10/2025
รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

รัฐบาลไม่ห้ามจัดงานรื่นเริง

25/10/2025

ประเด็นข่าว

EXIM BANK KBANK scb SME D Bank กรมชลประทาน กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงไทย กสิกรไทย กอนช. ข่าวเด่น ข่าวดัง คปภ. ครม. ค่าเงินบาท ดวงประจำวัน ตลาดหุ้น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธอส. นายฉัตรชัย ศิริไล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บก.ชวนคุย บางจาก ปตท. ประเมินค่าเงินบาท พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาล ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สถานการณ์น้ำ สรุปข่าวประจำวัน สรุปสถานการณ์น้ำ สิงคโปร์ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม เศรษฐกิจไทย เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร โควิด-19 ไทยพาณิชย์

Business Movement

คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน" คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน” 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

คปภ. ลงพื้นที่กระบี่ ดันประกันภัยเชิงรุก “กิน เดิน เที่ยวท่อง ล่องใต้อย่างยั่งยืน”

24/10/2025
ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025" โปรโมทวันออมแห่งชาติ ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025″ โปรโมทวันออมแห่งชาติ 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ออมสิน จัดใหญ่ “GSB SAVINGS FORUM 2025″ โปรโมทวันออมแห่งชาติ

22/10/2025
KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

KBTG ติดท็อป 3 โลกองค์กรที่ใช้ Data และ AI สร้างผลกระทบเชิงบวก

22/10/2025
สยามมิชลิน จับมือ เมกาพาร์ท หนุน RC Club ขับขี่ปลอดภัยยั่งยืน สยามมิชลิน จับมือ เมกาพาร์ท หนุน RC Club ขับขี่ปลอดภัยยั่งยืน 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

สยามมิชลิน จับมือ เมกาพาร์ท หนุน RC Club ขับขี่ปลอดภัยยั่งยืน

19/10/2025

Recommend

ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ครม. เห็นชอบประกาศสำนักนายกฯ สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคต

25/10/2025
คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

คนไทยลงทะเบียนคนละครึ่งครบ 20 ล้านสิทธิแล้ว

20/10/2025
รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20ต.ค.นี้วันแรก รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20 ต.ค.นี้วันแรก 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

รัฐบาลจุดพลุ “คนละครึ่ง” เริ่ม 20 ต.ค.นี้วันแรก

19/10/2025
เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค. ลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส รัฐเตือนอย่าหลงกดลิงก์ปลอม เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” รัฐเตือนอย่าหลงกดลิงก์ปลอม 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” รัฐเตือนอย่าหลงกดลิงก์ปลอม

19/10/2025

Photo Stories

VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics 1 min read
  • PHOTO STORIES

VEX Robotics บุกภาคเหนือ! เปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ Coding & AI ALL Robotics

22/10/2025
IMG_3579 EXIM BANK ต้อนรับดีบีเอส แบงค์ ลิมิเต็ด ฉลองความสำเร็จเงินกู้ร่วมดอลลาร์สหรัฐ 1 min read
  • PHOTO STORIES

EXIM BANK ต้อนรับดีบีเอส แบงค์ ลิมิเต็ด ฉลองความสำเร็จเงินกู้ร่วมดอลลาร์สหรัฐ

21/10/2025
กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568 กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

กรมสรรพสามิต คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ ปี 2568

20/10/2025
ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI 1 min read
  • PHOTO STORIES

ไทยพาณิชย์คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากลด้าน AI

20/10/2025
CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท. CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท. 1 min read
  • PHOTO STORIES

CEO SAM คว้ารางวัลบุคคลตัวอย่าง ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จาก มสวท.

20/10/2025
"เอกนิติ" ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย “เอกนิติ” ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 1 min read
  • PHOTO STORIES

“เอกนิติ” ลงพื้นที่ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย

18/10/2025
ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. เปิดการแข่งขัน G H BANK เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568

18/10/2025
ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025 ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025 1 min read
  • PHOTO STORIES

ทีม SUT.LIDARS คว้าถ้วยพระราชทาน THE CubeSat Quest 2025

17/10/2025
ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68 ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 68

17/10/2025
คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2 คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2 1 min read
  • PHOTO STORIES

คปภ. ร่วม ก.ล.ต.-ธปท. มอบประกาศนียบัตร Finfluencer รุ่น 2

17/10/2025
BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 min read
  • PHOTO STORIES

BAM มอบอุปกรณ์การแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

15/10/2025
มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมกับ เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบบ้านพักเพื่อนักเรียนบ้านไกล มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมกับ เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบบ้านพักเพื่อนักเรียนบ้านไกล 1 min read
  • PHOTO STORIES

มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมกับ เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบบ้านพักเพื่อนักเรียนบ้านไกล

10/10/2025
KBTG คว้ารางวัล The Innovators 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน KBTG คว้ารางวัล The Innovators 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 1 min read
  • PHOTO STORIES

KBTG คว้ารางวัล The Innovators 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

10/10/2025
โซคิ้ว ฮีลใจ รับปิดเทอมใหญ่ไปกับ “7 Kids Club Camp 2025” โซคิ้ว ฮีลใจ รับปิดเทอมใหญ่ไปกับ “7 Kids Club Camp 2025” 1 min read
  • PHOTO STORIES

โซคิ้ว ฮีลใจ รับปิดเทอมใหญ่ไปกับ “7 Kids Club Camp 2025”

09/10/2025
ออมสิน แสดงความยินดีผู้ว่า ธปท. ได้รับรางวัลสุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน 2 ปีซ้อน ออมสิน แสดงความยินดีผู้ว่า ธปท. ได้รับรางวัลสุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน 2 ปีซ้อน 1 min read
  • PHOTO STORIES

ออมสิน แสดงความยินดีผู้ว่า ธปท. ได้รับรางวัลสุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน 2 ปีซ้อน

08/10/2025

บก.ชวนคุย

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • EDITOR TALK

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568

25/02/2025
LINEแชร์เลย! บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,391 แอพเงินกู้แหล่งทุนยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความท้าทายทางการงาน การเงิน คนไทยมากกว่า... อ่านต่อ

ติดต่อเรา

สนใจร่วมงานกับเรา Aec10news.com คลิ๊กติดต่อเรา รับซื้อ..รายงาน สกู๊ป บทความ รายได้สูง !!!

  • Facebook
  • Twitter
สงวนลิขสิทธิ์ © 2560 เว็บไซต์ AEC10NEWS.COM