จับตา การเมืองสิงหาคม ทักษิณคัมแบ็ก-ยุบก้าวไกล-ชี้ชะตาเศรษฐา
จับตาความร้อนแรง “การเมืองเดือนส.ค.” เดือด ที่มี “สองคดีการเมือง” รอศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดและยังมีนัดหมายสำคัญของบุคคสำคัญจะได้ปลดพันธนาการ-รับอิสรภาพในเดือนเดียวกัน
หลายคดีทางการเมืองใกล้ที่จะรู้ว่าผลว่า “ออกหัว” หรือ “ออกก้อย” เข้ามาทุกขณะ หลังจากคลุมเครือ-ไม่ชัดเจน ส่งผลให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจแปรปรวน-ผันผวน โดยเฉพาะตลาดทุน-ตลาดหุ้นที่ต้องอกสั่นขวัญแขวน ตกลงไปต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนให้เกิดความไม่เชื่อมั่นใจจนต้องตัดสินใจชะลอการลงุทน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสินคดีทางการเมืองถึง 3 คดี
ยุบพรรคก้าวไกล
คดี “ยุบพรรคก้าวไกล” ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย “คดีล้มล้างการปกครอง” หลังจากยุติการไต่สวนและให้แถลงปิดคดีโดยส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 พร้อมกับนัดลงมติและฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 จะเป็น “คดีแรก” ที่จะได้บทสรุป บนทางสองแพร่ง ระหว่างเกิดการเปลี่ยนเกม-เปลี่ยนตัวผู้เล่นบนกระดานอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติครั้งใหญ่ ของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุด-มี สส.มากที่สุดของประเทศไทย หรือ ผลคำตัดสินออกมาเป็นคุณ-ทางบวก พรรคก้าวไกลไม่แพ้-ไม่โดยุบ แต่ก็ไม่ชนะ เพราะต้อง “ลดเพดานบิน” ก้าวย่างทางการเมืองแบบ “เพลย์เซฟ”
ยิ่งยุบยิ่งโต ?
ซีนารีโอที่ “เลวร้ายที่สุด” ของพรรคก้าวไกล หากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นไปในทางไม่เป็นคุณ-ทางลบ คือ “ยุบพรรค” และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคห้ามลงสมัครรับสมัครเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี แม้ประวัติศาสตร์สมัยยุบพรรค “อนาคตใหม่” คดีเงินกู้ยืม 191 ล้าน – จากพรรค 81 เสียง เหลือ สส. 56 เสียง ไปก่อร่างสร้างพรรคใหม่ในนามพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งปี 66 ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 152 ที่นั่ง แต่การโดน “ยุบพรรค” อีกครั้ง ไม่มีอะไรการันตีว่า จะ “ยิ่งยุบยิ่งโต” หากไปตั้งพรรคใหม่-พรรคสำรอง
ถอดถอนเศรษฐา
คดีที่สอง-คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญเรียกข้อมูลเพิ่มเติมและรอคำชี้แจง-พยานหลักฐาน ซึ่งนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 คดีนี้จะ “รู้ดำ-รู้แดง” ไม่เกินเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการสิ้นสุดประจำปีงบประมาณ โยก-ย้ายข้าราชการระดับสูง-ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2567 ดังนั้น ต้องจับตาดูว่า “หัวฝ่ายการเมือง” กับ “หัวหน้าราชการระดับสูง” และ “ผู้บัญชาการเหล่าทัพ” จะเปลี่ยนยกแผงหรือไม่
นายกฯเพื่อไทยตัวจริงลงสนาม?
อย่างไรก็ตาม หากพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค 314 เสียง ต้องเปลี่ยนหัว แต่ก็ไม่ขาดหัว เพราะมี “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ที่อยู่ในตะกร้าพรรครัฐบาลถึง 5 คน พรรคเพื่อไทย 2 คน ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “บุตรสาวคนเล็ก” ของนายทักษิณ และนายชัยเกษม นิติศิริ พรรคภูมิใจไทย 1 คน คือ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พรรคพลังประชารัฐ 1 คน คือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ “นายใหญ่” ว่าจะกล้า “ทิ้งไพ่ไฟ” ส่ง “นายกฯเพื่อไทย” ตัวจริงลงสนาม
ทักษิณ ชินวิตร คัมแบ็ก
อีกไฮไลต์ทางการเมืองสำคัญ คือ การพ้นโทษของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 หลังจากได้รับโทษในคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี แสงสปอตไลท์จึงจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณหลังจากนี้ เพราะจะส่งผลถึงจังหวะก้าวของพรรคเพื่อไทย หลังกระแสพรรคไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนสมัยยุค “รัฐบาลผู้พ่อ” พรรคไทยรักไทยจนโดน “พรรครุ่นลูก” อย่างพรรคก้าวไกลมีเรตติ้งพุ่งกระฉูด รวมถึงรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำที่ทำงานมาแล้วจะครบปี แต่ผลงานไม่ออก-นโยบายเรือธง อย่างโครงการ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทำให้ต้นทุนทางการเมืองร่อยหรอ
รีเทิร์นนั่งที่ปรึกษาทำเนียบ?
หลังจากนายทักษิณ พ้นจากพันธนาการแล้ว นักเฝ้ามองทางการเมือง วิเคราะห์ตรงกันว่า นายทักษิณจะเข้ามามีตำแหน่งแห่งที่ในพรรคเพื่อไทยและในรัฐบาล หลังจากที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลอยู่ในสถานะไม่ป็อบปูลาร์เหมือนเดิม โดยเฉพาะ “วิกฤตผู้นำรัฐบาล” ที่โหวตเตอร์ ที่เป็น “สวิงโหวต” ยังคงตั้งคำถามถึงฝีมือในการบริหารเศรษฐกิจไว้เป็นตัวจริง-เสียงจริงเหมือนสมัยที่กุมบังเหียนเป็น “บิ๊กบอส” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และยังมี “ฝ่ายอนุรักษนิยมเก่า” ที่ยังมี “ข้อกังขา” การบริหารประเทศสไตล์ “ทักษิโณมิกส์” ที่พร้อมจะใช้ “เงินแผ่นดิน” ในการดำเนิน “นโยบายประชานิยม” แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ติดปลายนวมคะแนนนิยมทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เพื่อไทยแตก เสื้อแดงทิ้งบอมบ์-บ้านใหญ่ทิ้งพรรค