แผนสำรอง ก้าวไกล หนีตายยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง
ยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง “เด็ดหัว” ก้าวไกล เป็น “หนังม้วนเดิม” ที่นำกลับมา “ฉายซ้ำ-วนลูป” อีกครั้ง
ทันทีที่คณะกรรมการ กกต.ใช้เวลาเพียง 12 วัน หลังคำวินิจฉัยฉบับเต็ม “คดีล้มล้างการปกครอง” ประกาศลงในราชกิจจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 67 ได้มี “มติเอกฉันท์” ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ “ยุบพรรคก้าวไกล” นักเฝ้ามองทางการเมือง “ฟันธง” ตรงกัน 99.99 % ว่า กรรมการบริหารพรรค “ชุดหาเสียงเลือกตั้ง 66” จำนวน 10 คน ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นหัวหน้าพรรค และ “ชัยธวัช ตุลาธน” จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง เหมือนกับ “แกนนำรุ่นพี่” อย่าง “ธนาธร-ปิยบุตร” อดีตหัวขวนบพรรคอนาคตใหม่
ฟอร์มพรรคใหม่–เปิดตัวแกนนำรุ่นสาม
“แผนสำรอง” ที่ถูกหยับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง คือ แกนนำรุ่นสาม-แถวสาม ที่จะมา “รับไม้ต่อ” พิธา-ชัยธวัช ที่อยู่ในลิสต์รายชื่อ คาดการณ์-คาดเดา คือ “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” และ “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เจ้าของความสำเร็จ “เกียรตินิยมเหรียญทอง” ปรัชญา การเมือง-เศรษฐศาสตร์ หรือ “PPE” ระดับปริญญาตรี-โท มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด อดีตแกนนำ “กลุ่ม New Dem” พรรคประชาธิปัตย์
รวมถึง “อะไหล่แท้” อย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม. “รังสิมันต์ โรม” อดีตแกนนำม๊อบคนรุ่นใหม่ “เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” สส.กทม.เจ้าพ่อคราฟต์เบียร์ ที่พร้อมจะงัดข้อกับ “เจ้าสัวน้ำเมา” เพื่อทลาย “ทุนใหญ่ผูกขาด” และ “สส.แบงค์” ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.ที่ออกมลูบคม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม สองรัฐบาล-สองนายกฯ ถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร “หมอชิต2” แม้กระทั่ง “สส.ช้างเผือก” ที่เพิ่งแจ้งเกิดเป็น “ดาวดวงน้อย” ในสภาผู้ทรงเกียรติ อย่าง “พินิดา มงคลสวัสดิ์” สส.สมุทรปราการ ที่โชว์ฝีปากอภิปราย “งบประมาณตำรวจ” และ “ชยพล สะท้อนดี” สส.กทม. ที่เปิดหน้าสแกน “งบทหาร”
แก้กฎหมายพรรคการเมืองดัดหลังยุบพรรค
แผนฟอร์มทีมแม่ทัพ-ขุนพลสีส้มจะมาถือธงเป็น หัวหน้าพรรคและเลขาธิการ “พรรครุ่นที่สาม” ต่อจากพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลที่โอกาสไม่โดนยุบ “ริบหรี่” ยัง “ออกอาวุธ” โต้กลับ ไม่ให้ตั้งรับเพียงฝ่ายเดียว ทั้งการ “เขี่ยลูก” แก้ “กฎหมายพรรคการเมือง” มาตรา 92 ที่เป็น “ผลไม้พิษ” จากการรัฐประหารของ “ระบอบ 3 ป.” โดยมี “ไอติม-พริษฐ์” ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
คณะอนุกรรมการศึกษาเหตุผลและมูลฐานความผิดที่เป็น “ยาแรง” สู่การยุบพรรค โดยเฉพาะบทลงโทษที่ไม่เป็นไปเป็นตามมาตรฐานระบบประชาธิปไตยโลก คือ การ “ประหารชีวิตทางการเมือง” กรรมการบริหารพรรค โดยการ “เปิดช่อง” การใช้ “ดุลพินิจ” ซึ่งมีการเชิญ “20 หัวหน้าพรรคการเมือง” มาระดมมสมอง-ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปี 60 ให้พรรคการเมือง “ยุบยาก” แต่จะได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมืองที่มี “ส่วนได้-ส่วนเสีย” จากการยุบพรรคก้าวไกลแค่ก็ต้อง “วัดใจ” กันต่อไป
รื้อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่–ล้างมรดกคสช.
คู่ขนานไปกับการ “แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ” ไม่ให้ถูก “เตะถ่วง-ซื้อเวลา” โดยให้ทำประชามติเพียง 2 ครั้ง และ ตั้ง “สสร.เลือกตั้ง 100%” จำนวน 200 คน และมี “คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ประกอบด้วย สสร. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมาธิการ และ “คนนอกที่” ที่ สสร. คัดเลือก แต่ “หัวใจสำคัญ” คือ การกำหนดให้ สสร. มีอำนาจ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ” และไม่ให้ “รัฐธรรมนูญแก้ยาก” โดยการแก้ไขเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้ทำได้ หากได้รับความเห็นชอบ “เกินกึ่งหนึ่ง” รัฐสภา ได้รับความเห็นชอบ “เกินสองในสาม” ของสส. เฉพาะกรณีจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องผ่านประชามติจากประชาชนก่อน
รัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 219 และ มาตรา 234 (1) เกี่ยวกับ “มาตรฐานจริยธรรม” จะมีการถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมานักการเมืองหลายคนโดน “วางยา” ถึงขั้น “ประหารชีวิตทางการเมือง” มาแล้วทุกพรรค ในมาตรฐานจริยธรรม หมวด 4 ข้อ 27 ที่กำหนดห้ามไม่ให้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง อาทิ ข้อ 5 ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ข้อ 10 ต้องไม่รับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
เลี้ยงกระแสพิธา–พรรคหัวก้าวหน้า
ในช่วงระยะเวลา 2 เดือน ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยยุบพรรค-ติดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือไม่ “พิธากับคณะก้าวไกล” เดินสายทำงานหนักเป็น 10 เท่า เพื่อเลี้ยงกระแสพรรคก้าวไกลไม่ให้แผ่ว ทั้งการลุยไฟป่า-หมอกควัน และฝุ่นพิษที่จังหวัดเชียงใหม่ ผลพลอยได้คือการได้ “แย่งซีน” พื้นที่สื่อ จาก ทักษิณ-เศรษฐา ที่ยกกำลังทั้งอำนาจเงิน-อำนาจรัฐ ลงไปที่ “บ้านเกิด” ของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ตีขนาบด้วยการ “เดินเกม” ในสภา เริ่มจากอภิปรายงบประมาณรายจ่ายปี 67 วาระที่สอง-วาระที่สามในช่วงปลายเดือนมีนาคม และการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในต้นเดือนเมษายน 67
พรรคก้าวไกลพลิกตัว จากตั้งรับอยู่ในที่ตั้ง–รบในที่แจ้งกลางสมรภูมินิติสงครามที่มองไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามในที่ลับ หันกลับมาตั้งหลัก–ตั้งตัว ดาหน้าล้มล้างมรดกรัฐประหารเมือวันที่ 22 พ.ค. 2557 ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ให้กร่อนเซาะ–บ่อนทำลาย “พรรคทายาทรุ่นที่สาม” ของพรรคอนาคตใหม่–ก้าวไกลในวันข้างหน้า