ไก่เนื้อไทยยอดขายฉลุยแต่ระวังต้นทุนพุ่ง
อุตสาหกรรมไก่เนื้อมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว
อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ ทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง คือแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่อาจจะชะลอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้จากปัญหา Geopolitics ที่ยืดเยื้อ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและกำลังซื้อของผู้บริโภค
อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยผลิตเพื่อป้อนตลาดภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนราว 70% ของผลผลิตไก่ทั้งหมด ดังนั้น การบริโภคในประเทศจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลืออีกราว 30% เป็นการส่งออกไปขายยังประเทศคู่ค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดในภูมิภาคเอเชีย
การบริโภคเนื้อไก่ในประเทศทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการจำหน่ายเนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงสุก ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ภาคท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการทั้งจากภาคครัวเรือนและภาคบริการเติบโตสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายปลีกไก่สดชำแหละในประเทศแม้จะชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สอดรับกับความต้องการบริโภคและต้นทุนการเลี้ยงไก่ที่ยังอยู่ในระดับสูง
การส่งออกไก่เนื้อมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยได้รับแรงหนุนหลักจาก 1. การทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า 2. การเปิดประเทศของไทยและการยกเลิกนโยบาย Zero-COVID ของรัฐบาลจีน 3. การทยอยรับรองมาตรฐานโรงงานส่งออกไก่ของไทย 4. โรคระบาดในสุกร (ASF) ที่ยังยืดเยื้อ และ 5. การส่งออกเพื่อทดแทนประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียที่ระงับการส่งออกไก่ชั่วคราวจากปัญหาอุปทานไก่ที่ขาดแคลน
สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยในปีนี้และระยะต่อไป ได้แก่
โรค ASF ในสุกร การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ยังคงยืดเยื้อในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย จะยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในฐานะสินค้าทดแทนในช่วง 1-2 ปีนี้
Brexit การส่งออกสินค้าจากไทยไปยังตลาด UK มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไก่ในอนาคตยังอาจได้รับอานิสงส์จากการบรรลุข้อตกลงเสรีทางการค้า (FTA) ร่วมกัน
การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย การส่งออกไก่เนื้อไปยังคู่ค้าอย่างซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจปูทางไปสู่การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ในระยะต่อไป
การทยอยรับรองมาตรฐานโรงงานแปรรูปและส่งออกไก่ของไทย โดยในช่วงที่ผ่านมาประเทศคู่ค้าของไทยหลายประเทศได้ทยอยให้การรับรองมาตรฐานโรงงานไก่ของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเห็นว่าการผลิตไก่เนื้อของไทยมีมาตรฐานในระดับสากลตลอดทั้งกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยสามารถส่งออกไก่ไปยังประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยจะมีปัจจัยหนุนการเติบโตหลากหลายด้าน แต่ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านลบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่อาจส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ 1. ภาพรวมเศรษฐกิจโลกอาจมีแนวโน้มชะลอลงซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ 2. ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนหลักอย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และกากถั่วเหลือง ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง 3. ข้อกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นด้าน ESG และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน 4. แนวโน้มการแข่งขันจากสินค้าทดแทนเนื้อไก่ที่เริ่มได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น และ 5. โรคระบาดในสัตว์ปีก โดยเฉพาะโรคไข้หวัดนก (Bird flu) ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตไก่เนื้อในไทย
SCB EIC มองว่า การปรับกลยุทธ์การเติบโตของอุตสาหกรรมไก่เนื้อเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการตอบโจทย์ผู้บริโภคและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ที่มีความแปลกใหม่และมีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างและรับมือกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในอนาคต