รับมือคลื่นนักท่องเที่ยวแดนมังกร หลัง “จีนเปิดประเทศ” 8 ม.ค.2566
นับเวลาถอยหลังไปอีกไม่กี่ชั่วโมง จะถึงช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ หลังรัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เพื่อ “เปิดประเทศ” ต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากต้องปิดประเทศไปยาวนานกว่า 3 ปีเต็ม
การเปิดประเทศครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงแรก หลังจากรัฐบาลจีนต้องการคุมโควิดผ่านการดำเนินนโยบาย Zero Covid หรือโควิดเป็นศูนย์ อย่างเข้มงวด จนทำให้เกิดการต่อต้านหนัก จนในที่สุดจึงต้องประกาศผ่อนคลายทั้ง ๆ ที่การระบาดในประเทศยังคงหนักหน่วง โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
ที่ผ่านมา ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า จากการศึกษา วิเคราะห์การระบาดของไวรัสโควิด 19 พบการระบาดในประเทศจีนขณะนี้ ยังเป็น BA.5 และลูกของ BA.5 คือ BF.7 ที่มีความคล้ายคลึงกับ BA.5 ที่เราได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้ว หรือ จีนตามหลังเรา
คนไทยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะมีภูมิต้านทานต่อตัวนี้แล้วเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ประเทศจีน โดยเฉพาะถ้ามีการระบาดในผู้ป่วยจำนวนมาก โอกาสจะเกิดสายพันธุ์ใหม่ก็จะเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักไว้ด้วย จากเหตุผลตามสายพันธุ์ จะให้ตรวจหรือป้องกัน ขณะนี้เราควรป้องกันสายพันธุ์ BQ มากกว่า BA.5 ที่เราได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ดีเมื่อการประกาศเปิดประเทศมีความชัดเจนแล้วจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยทางจีนเองได้มีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ โดยยกเลิกการกักตัวทั้งหมดเป็น 0+0 และมีการกำหนดรายละเอียดของนักท่องเที่ยวทุกชาติที่จะเดินทางไปประเทศจีน ดังนี้
1.การกำหนดให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 48 ชั่วโมง
2.การยกเลิกนโยบายการบิน 5:1 ทั้งหมด แต่ต้องสวมหน้ากากบนเครื่องตลอดเวลา
3.การอนุญาตให้คนที่เดินทางไปทำงาน ธุรกิจ เรียน เยี่ยมญาติ และอื่นๆ เดินทางเข้าจีนได้
4.การอนุญาตให้เดินทางเข้าจีนทางบกและทางเรือ จะพิจารณาในลำดับต่อไป
5.การพิจารณาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ต่อไป
นานาประเทศกังวลผู้เดินทางจากจีน
จากกรณีการเปิดประเทศของจีนครั้งนี้ ซึ่งในทางกลับกันนักท่องเที่ยวจากจีนจะสามารถเดินทางออกมานอกประเทศได้ล่าสุดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดากำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากจีน ฮ่องกงและไต้หวันต้องมีผลตรวจ COVID-19 ก่อนเดินทาง 18 ชั่วโมง ขณะที่บางประเทศห้ามนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศ เช่น เมื่อ 31 ธ.ค.65 โมร็อกโกออกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศโดยอ้างว่ากังวลการติดเชื้อระลอกใหม่ ตั้งแต่รัฐบาลจีนได้ยุติมาตรการ Zero COVID มีรายงานว่าพบผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ในจีนจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ส่วนสหภาพยุโรป (European Union – EU) ได้หารือมาตรการรองรับนักเดินทางจากจีน หลังจากหลายประเทศสมาชิก EU ทยอยประกาศยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองโควิด-19 ในกลุ่มนักเดินทางจากจีน อาทิ อิตาลีและฝรั่งเศสกำหนดให้นักเดินทางจากจีนต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบ ก่อนเดินทางเข้าประเทศ
ขณะที่ สเปนขอให้นักเดินทางจากจีนแสดงผลตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบหรือเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน ส่วนเบลเยียมเตรียมจะทดสอบน้ำเสียจากเครื่องบินโดยสารที่เดินทางมาจากจีน เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KDCA) ระบุมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากฮ่องกงและมาเก๊า โดยตั้งแต่ 7 ม.ค.66 ผู้เดินทางต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบ ภายใน 48 ชม. หรือ Antigen Test Kit (ATK) ภายใน 24 ชม. ก่อนเดินทางถึงเกาหลีใต้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
กาตาร์ กำหนดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากประเทศจีนให้แสดงผลตรวจโควิด-19 แบบ PCR ที่ตรวจภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ กาตาร์ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กาตาร์เป็นหนึ่งใน 16 ประเทศ ที่กำหนดเงื่อนไขกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน
ส่วนรัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากจีน ฮ่องกงและไต้หวันต้องมีผลตรวจ COVID-19 เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางเข้าออสเตรเลีย โดยประกาศดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่ 5 ม.ค.66 อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
ไทยถกมาตรการรับมือด่วน
สำหรับประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐบาลได้มีการหารือด่วนร่วมกับหน่วยงานสำคัญทั้ง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ถึงการทบทวนแนวทางการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปี 2566 โดยเฉพาะกรณีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากแดนมังกร โดยมี “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ได้กำหนดแนวทางการควบคุมโควิด-19 หากประเทศใดที่มีข้อกำหนดให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศจะต้องซื้อประกันการเดินทางก่อนเข้ามายังประเทศไทย และยังให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรองรับและเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ขณะที่การเตรียมความพร้อมในการให้บริการการตรวจ RT-PCR ในไทยนั้น กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่ามีความพร้อม และในที่ประชุมยังหารือด้วยว่า ขอความร่วมมือโรงแรมที่พัก ทำข้อตกลงความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกในการให้บริการการตรวจ RT-PCR ด้วย
อย่างไรก็ดีในส่วนของกรณีการให้วัคซีนแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ว่าจะสัญชาติใดหากต้องการจะรับวัคซีนในไทย แต่จะไม่ให้บริการฟรี เบื้องต้นจะมีค่าใช้จ่ายไม่เกินรายละ 800 บาท ซึ่งทั้งส่วนของรายละเอียดประกันสุขภาพและการให้วัคซีนนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดข้อกำหนดและประกาศให้ทราบอีกครั้งว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ขณะเดียวกัน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยังได้ออกข้อกำหนดในการเข้าประเทศไทยสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ เริ่มใช้วันที่ 9 มกราคมปี 2566 เวลา 01.00 น. ถึงวันที่ 31มกราคม 2566 เวลา 16.59 น. มีรายละเอียด 7 ข้อ ประกอบด้วย
1. ผู้โดยสารอายุมากกว่า 18 ปีต้องแสดงข้อมูลการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือจดหมายจากแพทย์ที่รับรองว่าหายจากโรคโควิด 19 แล้วไม่เกิน 6 เดือน (180 วัน) ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้รับวัคซีนต้องมีจดหมายจากแพทย์พร้อมแสดงเหตุผล
2.ผู้โดยสารที่มาจากประเทศที่มีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ติดโควิดเดินทางกลับเข้าประเทศจะต้องมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิดตลอดช่วงระยะเวลาเดินทางในประเทศไทยและบวกเพิ่มอีก 7วัน สำหรับผู้มาประกอบภารกิจรวมถึงลูกเรืออาจจะใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงานเจ้าภาพรับรองแทน
3.ผู้โดยสารที่ถือพาสปอร์ตไทยได้รับการยกเว้นในการตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีนและเอกสารประกันสุขภาพ
4.ผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่องหรือต่อเครื่องได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีนและเอกสารประกันสุขภาพ โดยผู้โดยสารเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดของประเทศปลายทาง
5.สายการบินต้องตรวจสอบเอกสารตามที่กล่าวมา ถ้าผู้โดยสารไม่สามารถแสดงเอกสารเหล่านี้ได้สายการบินจะต้องปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารเดินทาง
6.สายการบินต้องยึดตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามคู่มือแนวทางตามความเหมาะสม เช่น ขอให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากตลอดการเดินทาง ยกเว้นช่วงรับประทานอาหาร หรือในภาวะฉุกเฉิน
7.ผู้โดยสารที่มีอาการของโรคโควิด 19 ระหว่างการเดินทาง จะได้รับการแนะนำให้ทำการตรวจการติดเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงจุดหมาย
นักท่องเที่ยวจีน มาไทยไฟล์ทแรก 9 ม.ค.นี้
ส่วนการประเมินตัวเลขด้านการท่องเที่ยวหลังจากประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการรายงานข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม โดยจะมีเที่ยวบินจากจีนที่นำนักท่องเที่ยวทยอยเข้าไทยมาไฟล์ทแรกตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม นี้ เป็นเที่ยวบินที่มาจากเมืองเซี่ยเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนใต้ของจีน ประมาณ 200 คน
ส่วนการเพิ่มไฟล์ทบินจากประเทศจีนมายังไทย เบื้องต้นมองเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้น โดยจะเป็นการเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน ซึ่งชาวจีนจะออกเดินทางท่องเที่ยว พร้อมพิจารณาการกระจายเที่ยวบินไปยังจังหวัดท่องเที่ยวทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ และจังหวัดภาคอีสาน เช่นเดียวกับการพิจารณาเจรจาขอเปิดเส้นทางบินคุณหมิง-หาดใหญ่ ต่อไป
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยประมาณ 3 แสนคน แบ่งเป็น มกราคม 6 หมื่นคน กุมภาพันธ์ 9 หมื่นคน และมีนาคม 1.5 แสนคน และทั้งปีน่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งกลับมาครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงสุดทะลุ 10 ล้านคน
ทั้งหมดนี้ต้องติดตามกันอย่ากระพริบตาเลยทีเดียว