ปักหมุดเลือกตั้งพ.ค. 66 – เดดไลน์ย้ายพรรค 7 ก.พ.ปีหน้า

วัน ว. เวลา น. การเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ อย่างช้าที่สุด คือ วันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. 2566
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ไม่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะรับไม้ต่อ เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ต่อไป
ไทม์ไลน์การเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์มีเวลาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย 25 วัน แบ่งออกเป็น 5 วันแรก ทิ้งเวลาไว้หากมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง และ 20 วันสุดท้ายเป็นเรื่องทางธุรการในการจัดพิมพ์ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.
ตามกรอบระยะเวลา พล.อ.ประยุทธ์จะนำร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ฯ ภายในเดือนธันวาคม 2565
พระมหากษัตริย์ทรงคงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ 90 วัน (3 เดือน หรือ มกราคม-มีนาคม 2566) ในการโปรดเกล้าฯ ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นช่วงเวลาพอดีก่อนสภาผู้แทนราษฏรจะอยู่ครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์อยู่ครบวาระ-ไม่ยุบสภาก่อนครบวาระ รัฐบาลจะตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการจัดการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน
โดยมีวัน ว. เวลา น.ที่เป็นตุ๊กตาวันเลือกตั้ง 1.วันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 2566 2.วันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 และ 3.วันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. 2566

ถึงแม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะสงวนท่าทีเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองว่าจะไปต่อกับพรรคการเมืองใด ระหว่างพรรคพี่-พลังประชารัฐ หรือ พรรคพี่น้อง-รวมไทยสร้างชาติ แต่ภาษากายชัดเจนแล้วว่า “ทำงานการเมืองต่อ”
“กำลังพิจารณา เพราะยังมีเวลาในการตัดสินใจ ทำงานการเมือง ไม่ใช่เล่นการเมือง”พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามที่แฝงไว้ด้วยคำตอบ
ขณะเดียวกันระหว่างทางสู่การเลือกตั้ง ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจทางการเมือง นักการเมือง-ส.ส.มีระยะเวลาการขยับตัวเพื่อย้ายค่าย-ย้ายสังกัด
ก่อนถึงเดดไลน์ย้ายพรรค หรือ วันที่ 7 ก.พ. 2566 กรณีพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ครบวาระ จึงเห็นนักการเมืองที่ไม่มีใจอยู่กับพรรคเดิม ไปปรากฏชื่อ ปรากฏตัวกับสังกัดใหม่ เพื่อมีสถานะสมาชิกพรรคที่ต้องการจะสมัครเลือกตั้งครั้งหน้า 90 วัน
ไล่ตั้งแต่พรรคใหญ่ อย่างพรรคพลังประชารัฐที่มีกระแสข่าวเลือดไหลออกมากกว่าไหลเข้า โดยเฉพาะเลือดไหลออกตามพรรคน้อง-พล.อ.ประยุทธ์ อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ

ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มของรัฐมนตรีสายตรงพล.อ.ประยุทธ์ อย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน – ส.ส.ชลบุรีและพวกอีก 12 คน
กลุ่มเพื่อนธนกร-นายธนกร วังบุญคงชนะ ที่เพิ่งได้การปูนบำเหน็จรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ดีเพราะปากเป็นศรี มีตำแหน่งองครักษ์พิทักษ์พล.อ.ประยุทธ์ การันตีความไว้วางใจกับพวก ส.ส.ภาคใต้ อย่างน้อย 7 คน
อาทิ นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา เขต 2 นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต 3 ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา เขต 4 และนายสัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7
ในส่วนของ ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับอิทธิพลจากกระแสพล.อ.ประยุทธ์ ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติมากที่สุด เนื่องจาก “กระแสลุงตู่” จากการทำโพล ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ยังขายได้ในพื้นที่ภาคใต้
แรงกระเพื่อมจากกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรคพลังประชารัฐจึงถูกกระพืออย่างหนัก
รวมถึง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกัน ที่เตรียมเก็บข้าวของย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย
โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้เด็ดดึงเด็กปั้น-เด็กสร้างกลับสังกัด อาทิ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 นายจักรพันธ์ พรนิมิต ส.ส.กทม.เขต 30
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีการปล่อยข่าวพล.อ.ประยุทธ์จะย้ายพรรค ได้รับอานิสงค์จากการปั้น-ปั่นข่าว จนมีการใช้จิตวิทยาข่าวสารเปลี่ยนเป็นชื่อ “พรรคประยุทธ์” จนมีกระแสข่าว ส.ส.กทม.- ส.ส.ภาคใต้ ย้ายตามมาอยู่จำนวนมาก
ไล่เรียงตั้งแต่ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. เขต 13 น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. เขต 6 นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขต 4
ส่วนที่ย้ายข้ามขั้วไปพรรคเพื่อไทย อาทิ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.เขต 1
ล่าสุด ปรากฏชื่อ นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ บนเวทีเปิดตัว ผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส ของพรรคสมคิด-สร้างอนาคตไทย
แต่ที่ย้ายไปแล้ว คือ มาดามเดียร์ น.ส.วทันยา บุนนาค ที่ทิ้งเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปเป็นแม่ทัพกทม.คนใหม่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ผนึกกำลังกับ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้ท้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ขณะที่เลือดไหลเข้า อาทิ ส.ส.กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย กับพวก รวม 13 คน นำทีมโดย นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย
ไม่เว้นแม้แต่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ประธานภาคใต้ ที่แม้จะประกาศทำสงครามครั้งสุดท้าย ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค เป็นผู้นำทัพ
ทว่ากลับมีกระแสข่าวหนาหูว่าจะย้ายขั้วไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ-พรรคพี่ของพล.อ.ประยุทธ์
ขณะที่กลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ คือ กลุ่มสามมิตร นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย เพราะต้องรอสัญญาณ-ข้อมูลชุดสุดท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐจะมีโอกาสเป็นพรรครัฐบาลกี่เปอร์เซ็นต์
ส่วนกลุ่มที่รอตัดสินใจ คือ กลุ่มพ่อมดดำ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 ส่งลูกชาย นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา กรุยทางย้ายไปเพื่อไทยเรียบร้อยโรงเรียนเจ๊แจ๋น-นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด เจ้าแม่กทม.
พรรคประชาธิปัตย์เป็นอีกหนึ่งพรรคที่เลือกยังไหลไม่หยุด ที่ยังจะย้ายออกอีกล็อตใหญ่ อาทิ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ที่ไปเปิดตัวในงานสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปปรากฏตัวในงานวันเกิดของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานใหญ่บุรีรัมย์ นายเจือ ราชสีห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะไปรวมงานกับพรรคไทยภักดี กับนายถาวร เสนเนียม
ยังมีอีกหลายชื่อที่ถูกโยนหินย้ายพรรคขึ้นมาทำให้นายหัวชวน ปวดเศียรเวียนเกล้า เช่น นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก เขต 2 น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม เขต 1
อย่างไรก็ตามหากพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยุบสภา ก่อนครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 นักการเมือง-ส.ส.ยังสามารถย้ายพรรค-สมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ได้อีกครั้ง ภายใน 45 วัน ก่อนถึงวันเลือกตั้ง
พรรคที่ดูดเก่งที่สุด หนีไม่พ้นพรรคภูมิใจไทย แค่ลิสต์รายชื่อที่ไปร่วมงานวันเกิดครูใหญ่บุรีรัมย์ก็ 28 รายชื่อเข้าไปแล้ว อาทิ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายเอกภพ เพียรพิเศษ และนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล

โดยเฉพาะดูดมาจากพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก และ 3 ส.ส.ศรีสะเกษ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ นายธีระ ไตรสรณกุล และนางผ่องศรี แซ่จึง
ทั้งหมดนัดเลือกตั้งยังมีเวลาตัดสินใจ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 7 ก.พ. 2566