ลุ้นจีนเปิดประเทศ ข่าวดีปลายปีรับไฮซีซั่น
ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่า ประเทศจีน จะคลายล็อกให้กับนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกมาเที่ยวต่างประเทศได้แบบอิสระเหมือนครั้งก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือไม่ แน่อย่างไรก็ดีทิศทางต่อจากนี้ก็เริ่มเห็นเค้าลางว่าจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ หลังจากการเมืองภายในประเทศเริ่มนิ่ง
หลัง ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งรับมอบตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ และตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อภายในเริ่มนิ่ง การขับเคลื่อนนโยบายอย่างอย่างก็เริ่มขยับ โดยเรื่องการท่องเที่ยวก็นับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ต้องจับตาอย่างต่อเนื่องว่าท่าทีของรัฐบาลจีนจะเดินต่ออย่างไร ในเมื่อสามารถคุมการระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว
แม้ในช่วงแรกจีนอาจจะยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศแบบเสรี แต่ในขากลับกันจีนก็ยังต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้าไปใช้จ่ายในประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด เพราะหลายเมืองใหญ่ยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอัตราที่สูง
แต่ขณะนี้ หากใครต้องการเดินทางไปเที่ยวจีน ในฐานะของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักธุรกิจ นักลงทุน นักการทูต หรือมีครอบครัวที่นั่น อาจยังต้องเจอกับมาตรการเข้มงวดในการตรวจคัดกรองการเข้าประเทศตามมาตรการ “ซีโร่โควิด” เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางออกมาจากประเทศเพื่อไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เช่นกัน
นั่นเพราะทางการจีนยังคงมาตรการการกักตัวจากผู้เดินทางเข้าประเทศ แม้ตอนนี้จะคลายล็อกลงบ้างจากเดิม 14+7 คือ กักตัวในโรงแรมที่ถูกจัดให้ 14 วัน และกักตัวที่บ้านอีก 7 วัน ลดลงเหลือ การกักตัวอีก 10 วัน ในโรงแรม 7 วัน และที่บ้านอีก 3 วัน
แต่ก็ยังคงมาตรการนี้อย่างเข้มงวด ไม่เหมือนประเทศอื่น ๆ ที่ปลดล็อกการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไปเกือบหมดแล้ว โดยใครก็ต้องที่ต้องการจะเดินทางไปยังประเทศจีน ณ ตอนนี้ จะต้องเจอกับการกักตัวยาวนานเกือบเดือน
เริ่มต้นจากสายการบินที่มีไฟล์ทบินเข้าจีนจากประเทศต้นทางต้องพาผู้โดยสารกักตัวในโรงแรมที่สายการบินจัดให้ก่อน 3 วัน พร้อมตรวจเชื้อโควิดแบบ RT-PCR ทุกวัน เมื่อปลอดการติดเชื้อจึงเดินทางไป และเมื่อเดินทางถึงจีนก็ต้องเข้ารับการกักตัวอีก 10 วัน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการกักตัวต้องจ่ายเองทั้งหมด
ดังนั้นด้วยมาตรการคัดกรองสุดโหดนี้จึงเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้มีผู้เดินทางเข้าประเทศจีนจำนวนน้อย
มากไปกว่านั้น ยังมีอีกปัจจัยนั่นก็คือ จำนวนเที่ยวบินที่มีค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ยังไม่สามารถทำการบินไปยังจีนได้เต็มกำลังเหมือนกับในปี 2562 ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด นอกจากนี้ในไฟล์ทบินที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น ราคาค่าตั๋วก็แสนแพงด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดที่ว่านี้ก็เริ่มจะมีข่าวดีให้เห็นขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากไม่นานมานี้ มีรายงานข่าวจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ออกมาระบุว่า ทางการจีนวางแผนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศแล้ว
โดยมีทั้งเที่ยวบอนที่เป็นสายการบินภายในประเทศ และสายการบินต่างประเทศกว่าเท่าตัวตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป หรือคิดเป็นจำนวนเที่ยวบินประมาณ 840 เที่ยวต่อสัปดาห์ ครอบคลุมตารางบินล็อตตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.2565 – 25 มี.ค.2566
นั่นจึงนับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถ้ามีจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น การเดินทางจะได้สะดวก และราคาค่าตั๋วเครื่องบินที่ก่อนหน้านี้มีราคาแพงระยับ อาจปรับลดลงจนสามารถเดินทางได้แบบสบายกระเป๋ามากขึ้น
ข่าวดีอีกอย่างที่มีตามมา นั้นคือการผ่อนคลายการเดินทางบริเวณชายแดนจีน หลังจากช่วงกลางเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนประกาศเปิดการท่องเที่ยวชายแดนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้
แต่ในช่วงแ รกต้องเป็นลักษณะเข้ามากับบริษัททัวร์ เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นเคยทำเอาไว้ในช่วงการเปิดประเทศตอนแรก ๆ เพื่อประเมินความพร้อม และสามารถติดตามนักท่องเที่ยวได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโรค
มาดูความเหลือนไหวของทางฝั่งไทยกันบ้าง เนื่องด้วย “นักท่องเที่ยวจีน” ถือเป็นลูกค้าหลักที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสูงถึงปีละ 10 ล้านคน เมื่อช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด
การหายไปของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยาวนานกว่า 3 ปี ก็สร้างแรงสั่นสะเทอนกับการท่องเที่ยวของไทยอย่างหนัก เพราะคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างหวังการกอบโกยรายได้จากตลาดจีนมายาวนานต่อเนื่อง เมื่อรายได้หลักสะดุดไป ก็ทำให้ลายกิจการล้มหายตายจากไปจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดในการฟื้นฟู และรองรับการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เคยออกมาระบุว่า คงต้องรอลุ้นข่าวดีในช่วงปลายปี บนเวทีประชุมสุดยอดผู้นำ เอเปค 2022 ช่วงนั้นประเทศไทยจะมีโอกาสต้อนรับผู้นำหลายประเทศ และหนึ่งในนั้นก็คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
โดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หวังไว้ลึก ๆ ว่าถึงช่วงการเดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งนั้นทั้งสองประเทศอาจได้ร่วมหารือถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว หรือการผ่อนปรนมาตรการเดินทางที่ไม่เป็นอุปสรรค เพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้สะดวกยิ่งขึ้น
พร้อมตั้งความหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาช่วยกู้วิกฤต ทำให้จำนวนต่างชาติเที่ยวไทยเป็นไปตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ขณะที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหลายแผน เพื่อเตรียมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง โดยตอนนี้ได้มอบหมายให้สำนักงาน ททท. ในจีน ค่อยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และรอข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานจากนี้