รัฐบาลสุญญากาศ บิ๊กตู่ ขาลอย บิ๊กป้อม ไม่เต็ม 100
ในช่วงสุญญากาศ 15 วันเป็นอย่างน้อย รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตกอยู่บนที่นั่งลำบาก ไม่ต่างกับรัฐบาลเป็ดง่อย
นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2565 ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ และสั่งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประเคนอำนาจการแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการ และอนุมัติงบประมาณ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากพล.อ.ประยุทธ์
ภายใต้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 215/2565 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ทว่าในทางปฏิบัติยังเห็นรอยต่อของอำนาจ ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ถูกพักงานชั่วคราว กับพล.อ.ประวิตร ที่สวมหมวกรักษาการนายกรัฐมนตรี
ภาพพล.อ.ประวิตรจัดฉากเลิฟซีน สวมบท พี่ชายที่แสนดี ไม่เฉียดไปนั่งหัวโต๊ะประชุมครม. เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ประหนึ่ง ไม่นั่งทับที่ พล.อ.ประยุทธ์ น้องรัก ที่เข้าร่วมประชุมผ่านระบบทางไกลวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ที่กระทรวงกลาโหม
ในทางกลับกันเหมือนกันพล.อ.ประยุทธ์ อาจต้องการลองใจ พล.อ.ประวิตร เช่นเดียว ดังนั้น ต่างคนต่าง ลับ-ลวง-พลาง
ขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสำคัญที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และการต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะนั่งประชุมกันที่ทำเนียบรัฐบาล เช่น ตึกภักดีบดินทร์ ตึกสันติไมตรี ต้องเว้นวรรค-ตึกบัญชาการ
มิหน้ำซ้ำ พล.อ.ประวิตรในรักษาการนายกรัฐมนตรี ยังกบดานประชุมไปยังเซฟเฮาส์ มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
มีเพียงการลงพื้นที่ตรวจราชการในต่างจังหวัดที่พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร พร้อมใจกันลงพื้นที่ แต่ตำแหน่งหน้าที่กลับตาลปัตร รวมถึงทีมรักษาความปลอดภัยและคนติดตาม สลับข้างทั้งชุด
คนหนึ่ง-พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ที่สวมหมวกรักษาการนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี-นักการเมือง และข้าราชการระดับสูงคอยห้อมล้อม ชาวบ้านมาต้อนรับด้วยดอกกุหลาบสีแดง หอมแก้ม ยกป้ายไฟพร้อมตะโกนสุดเสียง “รักลุงป้อม”
โดยเฉพาะภาษากายของพล.อ.ประวิตร ที่อากัปกิริยา ท่าทาง ดูกระชับกระเฉง เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ที่เวลาเดินเหินต้องมีทหารคนสนิท (ทส.) คอยประคับประคอง หิ้วปีก และพยายามยิ้มเมื่อพบกับผู้สื่อข่าว แม้จะแมสก์สวมปกปิดอยู่ก็ตาม
อีกคนหนึ่ง-พล.อ.ประยุทธ์ ที่กินเงินเดือนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใบหน้าอมทุกข์ ปลีกวิเวกลงพื้นที่ตรวจราชการ ไร้เงารัฐมนตรี-นักการเมือง เดินประกบข้าง ชาวบ้านให้กำลังใจบางตา บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา
เสมือนประลองกำลังไปในตัว ระหว่าง 2 ป. ให้เห็นว่า แม้ในยามที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำ แต่ยังมีพล.อ.ประวิตร ที่สามารถทดแทนได้อย่างไม่มีที่ติ
สำหรับภารกิจของพล.อ.ประวิตร ตั้งแต่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ นที่ 25 ส.ค. 2565 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
วันที่ 26 ส.ค. 2565 ดาโต๊ะ ศรี ฮัจญี ฟาดิลละห์ บิน ฮัจญี ยูโซ๊ะ รัฐมนตรีอาวุโส กระทรวงโยธาธิการ มาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเยือนประเทศไทย ที่ตึกบัญชาการ
เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 และการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบ Video Conference ที่ตึกบัญชาการ
วันที่ 29 ส.ค. 2565 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบ Video Conference ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 8/2565 และการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 1/2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันที่ 30 ส.ค. 2565 เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ตึกสันติไมตรี ดาโต๊ะ ซรี ฮิชามมุดดิน บิน ตุน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ ที่ตึกบัญชาการ
วันที่ 31 ส.ค. 2565 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 8/2565 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 ผ่านระบบ Video Conference ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
วันที่ 1 ก.ย. 2565 ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำต้นทุน เพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคและบริโภค ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
วันที่ 2 ก.ย. 2565 เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทางและมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เดนส์
ในวันที่ 5 ก.ย. 2565 พล.อ.ประวิตรจะลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดกระบี่
ขณะที่ภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ถูกพักงานนายกรัฐมนตรี มีเพียงการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องเก็บตัวอยู่ในกระทรวงกลาโหมแบบเงียบ ๆ มีรองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรี เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แวะเวียนกันเข้าพบพูดคุยให้หายเหงา
ตรงกันข้ามกับความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่และถูกคาดหมายว่าจะเป็น พรรคอะไหล่ พรรคสำรอง ของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย กลับคึกคัก
เป็นความจมูกไวของมนุษย์การเมืองที่มีคุณสมบัติพิเศษ ไหวตัวทัน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่ได้ไปต่อ-ไปต่อยาก จึงมีการเปิดหน้า เปิดตัว แสดงจุดยืนของเป็นตัวเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 รับไม้ต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่เกินกลางปี 2566
เพราะศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีแล้ว และกระแสเบื่อพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นสูงจุดสูงสุด และภาพการลงพื้นที่ในต่างจังหวัดของพล.อ.ประวิตร เป็นช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง
ผสมโรงกับกติกาเลือกตั้งหารด้วย 100 ที่ทำให้พรรคเล็ก พรรคเกิดใหม่ มีต้นทุนสูงในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพันธมิตร 3 ป. จึงตีตัวออกห่าง โดดเดี่ยวเครือข่ายอำนาจคสช. เปิดหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง
ยกตัวอย่างเช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ก่อนหน้านี้คอการเมือง แทงหวยไว้ว่า จะเป็นนั่งร้านให้พล.อ.ประยุทธ์ แต่อาจจะเปลี่ยนแผนชูนายพีระพันธุ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถือธงนำการเลือกตั้งครั้งหน้า
พรรคสร้างอนาตไทยของกลุ่ม 4 กุมาร นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เมื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เปิดชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้ลาออกจากกตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทสหพัฒน์
เตรียมเปิดหน้า-เปิดดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตอย่างเป็นทางการ
รวมถึงพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค แถลงข่าวจับมือ ร่วมงานทางการเมืองกับนายกรณ์ จาติกวาณิช หัวหน้าพรรคกล้า
โดยเตรียมเก้าอี้ประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจไว้ให้นายกรณ์ เป็นแม่ทัพกู้วิกฤตเศรษฐกิจ และหากทำผลงานเข้าเป้า จับพลัดจับพลูได้เก้าอี้ ส.ส.เกิน 25 ที่นั่ง อาจจะมีออนเอดให้กับนายกรณ์ที่เป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้
กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของพรรคชาติพัฒนาที่ปลดออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเต็มตัว หลังจากนายเทวัญ ลิปพัลลภ น้องชายแท้ๆ ต้องถูกปลดออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสถานะขาลอยจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ขณะที่พล.อ.ประวิตร บารมีเบ่งบาน ไม่เต็ม 100 รัฐบาล 3 ป. จึงไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลสุญญากาศ