วิเคราะห์เงินบาทอ่อนค่า32บาทต่อดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้งและปัจจัยภูมิภาคและการเมือง ยังอาจกดดันต่อในระยะข้างหน้า
เงินบาทอ่อนค่าทะลุระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 32.02-32.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ (25 เม.ย. 2562) ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 และยังเป็นการอ่อนค่าลงแล้วประมาณ 1.5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
การอ่อนค่าของเงินบาทดังกล่าว สอดคล้องกับภาพการลงทุนที่ค่อนข้างระมัดระวังของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย สะท้อนจากสถานะขายสุทธิรวมในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทย 1.8 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 เดือนหลังการเลือกตั้งทั่วไปของไทยสิ้นสุดลง โดยคงต้องยอมรับว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญของตลาดการเงินไทยที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดหลังการเลือกตั้ง ก็คือ สถานการณ์ทางการเมืองและความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
หากเทียบกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นในภูมิภาคแล้ว นับว่า เงินบาทยังอ่อนค่าในลักษณะเกาะกลุ่มไปกับทิศทางของสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากต้องรับมือกับสัญญาณที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคการส่งออกและเศรษฐกิจในภาพรวมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ก็สามารถทยอยฟื้นตัวแข็งค่ากลับขึ้นมาได้ (จากที่ถูกกดดันอย่างหนัก จากสัญญาณยืนอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2562 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC ในรอบเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญหลายตัว ไม่ได้ออกมาแย่ตามที่ตลาดกังวล ซึ่งสะท้อนว่า ปัจจัยพื้นฐานและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบ
สำหรับในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งอาจต้องติดตามเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า (นอกเหนือไปจากปัจจัยการเมืองในประเทศ) ก็คือ บรรยากาศของตลาดสกุลเงินในภูมิภาค เพราะเป็นที่น่าสังเกตว่า แนวโน้มของสกุลเงินเอเชียบางสกุล อาทิ เงินวอนของเกาหลีใต้ เงินริงกิตของมาเลเซีย และเงินรูปีของอินเดียที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากในระยะนี้ ล้วนถูกกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของภาคการส่งออก ปัจจัยเฉพาะทางการเมืองภายใน และความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจจะดำเนินต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งในช่วงข้างหน้า ทำให้ผู้ประกอบการควรที่จะศึกษาและเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้สามารถลดทอนผลกระทบและปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากโอกาสที่เงินบาทจะผันผวนตามกระแสของสกุลเงินในภูมิภาคได้