เที่ยวชม 10 เขื่อนสวยทั่วไทย กางเต้นท์ แคมป์ปิ้ง ชมวิวหลักล้าน
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยมีอะไรดี ๆ ซ่อนไว้อีกเยอะแยะมากมาย อยู่ที่ว่าใครจะได้มีโอกาสไปสัมผัสประสบการณ์ตอนไหน ความสวยงามจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล อย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากจะพาทุกคนไปเที่ยวกันในวันนี้ ก็นับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนไทยเช่นกัน เพราะที่แห่งนี้สามารถเดินทางกันไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นั่นคือ “การเที่ยวเขื่อน”
บ้านเรามีเขื่อนสวย ๆ กระจายอยู่ทั่วประเทศ นอกจากจะทำหน้าที่หลักในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำแล้ว ภูมิทัศน์รายรอบเขื่อนยังมีความสวยงาม และเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำท่ามกลางธรรมชาติ โดยปัจจุบันการท่องเที่ยวริมเขื่อนนั่น กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการไปกางเต้นท์ แคมป์ปิ้ง เขื่อนหลายแห่งมีการจัดสถานที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยตรง เช่นเดียวกับบ้านพัก รีสอร์ทของเอกชนในบริเวณใกล้ ๆ ก็จัดพื้นที่ไว้ต้อนรับเช่นเดียวกัน
ถ้าพร้อมแล้วเราขอชวนทุกท่านไปเที่ยวชมเชื่อนสวย ๆ ในประเทศไทยกันว่า ที่ไหนน่าไปเที่ยว และมีไฮไลท์อะไรกันบ้าง
1.เขื่อนท่าทุ่งนา จ.กาญจนบุรี
เริ่มต้นกันกับ “เขื่อนท่าทุ่งนา” ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ห่างแค่ประมาณ 200 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางสามารถเดินทางโดยรถยนต์ไปตามถนนสายพุทธมณฑลผ่านอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เข้าสู่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แล้วเดินทางต่อไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 3199 อีก 36 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเขื่อน ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดเล็ก รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ว่ากันว่า ใครได้ลองไปชมวิวภูเขาสลับซับซ้อนบริเวณเขื่อนนี้จะได้ฟิลเหมือนไปต่างประเทศเลยทีเดียว
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้ดูแลเขื่อนแห่งนี้ บอกว่า เขื่อนแห่งนี้เป็นโครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำแควใหญ่ตอนล่าง ช่วยเสริมการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ สามารถใช้น้ำที่ผลิตไฟฟ้าแล้วจากเขื่อนศรีนครินทร์มาผลิตไฟฟ้าได้อีกครั้ง และยังสามารถสูบน้ำจากเขื่อนท่าทุ่งนากลับไปเก็บไว้บนอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีก หากใครมาเที่ยวก็เข้าไปชมความสวยงาม หรือจะลองพายเรือคายัคเที่ยวชมธรรมชาติได้ด้วย
2.เขื่อนวชิราลงกรณ์ จ.กาญจนบุรี
พาไปเขื่อนอีกแห่งที่เมืองกาญฯ เขื่อนวชิราลงกรณ์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอำเภอทองผาภูมิ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาชมความงดงามของวิวทะเลสาบจากบนสันเขื่อน และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสำหรับการมาเยือนทองผาภูมิ เดิมชื่อเขื่อนเขาแหลม ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญ พระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มาขนานนามชื่อว่า “เขื่อนวชิราลงกรณ” เมื่อปี 2544
เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนหินถมดาดคอนกรีตแห่งแรกของประเทศไทย สร้างปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย เริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2522 เสร็จในปี 2527 สันเขื่อนสูงจากรากฐาน 92 เมตร ยาว 1,019 เมตร มีพื้นที่กักเก็บน้ำ 388 ตารางกิโลเมตร และมีความจุของอ่างเก็บน้ำ8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร บรเวณด้านหน้าจะเป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบรมราชินีนาถ เป็นสวนที่มีการตกแต่งให้เป็นสวนต้นไม้พุ่มสวยงาม เมื่อขับรถเข้าไปด้านในจะเป็นทางที่ขึ้นไปยังสันเขื่อน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปจอดชมวิวทิวทัศน์บริเวณสันเขื่อนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมสันเขื่อนด้านหนึ่งจะติดกับเขาที่เป็นหินผาสูงชัน มักมีลิงเจ้าถิ่นมาวิ่งเล่นให้ถ่ายรูปด้วย วิวเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำสีเขียวมรกต
3.เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี
อีกหนึ่งแลนมาร์คจังหวัดกาญจนบุรี พลาดไม่ได้จะต้องไปเที่ยว “เขื่อนศรีนครินทร์” เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลองสร้างขึ้น บนแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนปีละเป็นจำนวนกว่าแสนคน ทำให้เกิดการขยายตัวทางการท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะการล่องแพท่องเที่ยวในอ่างเก็บน้ำ
ส่วนสถานที่ไฮไลท์บริเวณเขื่อน เช่น สวนเวลารำลึก สร้างขึ้นในศุภมงคลสมัยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา บนเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณเชิงเขาริมอ่างเก็บน้ำ ใกล้ท่าเรือเขื่อนศรีนครินทร์ การออกแบบสวนจึงเลือกนาฬิกาแดดเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความสัมพันธ์เกี่ยวกับกาลเวลา นอกจากนี้ ยังได้แต่งเติมเสริมสร้างสิ่งตกแต่งต่างๆ ให้เป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบของสวน เฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ และตรงจุดนี้ยังเป็นขุดชมวิวเขื่อนที่สวนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย
4.เขื่อนภูมิพล จ.ตาก
เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย สร้างปิดกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณ เขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีรัศมีความโค้ง 250 เมตร สูง 154 เมตร ยาว 466 เมตร ความกว้างของสันเขื่อน 6 เมตร อ่างเก็บน้ำมีความจุสูงสุด 13,462 ล้านลูกบาสก์เมตร จัดเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งที่ใหญ่และสูงสุดในเอเชียอาคเนย์
ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่จะได้ชมความอลังการของเขื่อนยักษ์ที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้ อากาศดีสูดโอโซนได้เต็มปอด ขณะที่ของดีรอบเขื่อน ยังสามารถชมเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง สวนเฉลิมพระเกียรติตั้งอยู่ฝั่งขวาของเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง ภายในสวนประกอบด้วยต้นราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ 9 นอกจากนั้นยังมีพันธุ์ไม้อีกหลายชนิดที่จะเน้นหนักไปในโทนสีเหลือง จุดเด่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนนี้ คือ แปลงไม้ประดับซึ่งปลูกเป็นรูปพระนามาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. โดยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล
อีกทั้งยังมีเกาะวาเลนไทน์ เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดทราย สามารถเล่นน้ำได้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวเกาะทั้งสองได้โดยเช่าเรือจากเขื่อนภูมิพลล่องไปตามลำน้ำใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือชม เขาคันเบ็ด เป็นเขาที่มีรูปร่างสูงยาวคล้ายจอมปลวก เป็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยเด่นอยู่ติดกับลำน้ำทอดเงาลงมาสวยงามมาก ห่างจากเขื่อนฯ ประมาณ 35 กม. และเที่ยวถ้ำโยคี เป็นถ้ำที่ถูกปิดมานานและเพิ่งถูกค้นพบ อยู่ห่างจากเขื่อนฯ ประมาณ 25 กม. เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่มีความงดงามดุจดั่งเพชรส่องประกายแพรวพราวระยิบระยับ
5.เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์
“เขื่อนสิริกิติ์” เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน เดิมชื่อ “เขื่อนผาซ่อม” ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้เชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ขนานนามว่า “เขื่อนสิริกิติ์” ลักษณะเขื่อน สร้างปิดกั้นลำน้ำน่านที่ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนดิน แกนกลางเป็นดินเหนียว ความจุของอ่างมากเป็นที่สามรองจากเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนภูมิพล
เขื่อนสิริกิติ์มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูหนาว ความเงียบสงบของบรรยากาศประกอบกับพืชพันธุ์ไม้ที่งามสะพรั่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนไม่ขาดสาย นอกจากนี้ ในบริเวณเขื่อนยังมีสวนสาธารณะที่ให้ความร่มรื่นอีกแห่งหนึ่งคือ สวนสุมาลัย ภายในสวนประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้หลากชนิด สระบัว ลานประติมากรรม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวน ชื่อ “ประติมากรรมสู่แสงสว่าง” ลานอเนกประสงค์ และลานสุขภาพ
6.เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี
“เขื่อนสิรินธร” เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่มีความสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวสร้างปิดกั้นแม่น้ำลำโดมน้อยอันเป็นสาขาของแม่น้ำมูล ที่บริเวณแก่งแซน้อย ต.ช่องเม็ก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ความสวยงามสงบร่มรื่นของภายในบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมและพักผ่อนหย่อนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีสวนสิรินธร เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติที่มีลักษณะเป็นสวนป่าที่คงสภาพสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติไว้ได้มากที่สุด
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เพื่อให้การมาเยือนเขื่อนสิรินธรได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินอย่างเต็มที่ ท่านสามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงภายในจังหวัดอุบลราชธานีได้อีกหลายแห่ง เช่น วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) แก่งสะพือ แก่งตะนะ น้ำตกตาดโตน แม่น้ำสองสีหรือดอนด่านปากน้ำมูล น้ำบุ้น และผาแต้ม สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่ใครมาอุบลฯ ต้องห้ามพลาด
7.เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
เขื่อนอุบลรัตน์ ตั้งอยู่ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว เขื่อนอุบลรัตน์เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นถัดจากเขื่อนภูมิพล เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของประเทศไทยต่อจากเขื่อนภูมิพล สร้างปิดกั้นแม่น้ำพอง ตรงบริเวณที่เรียกว่า “พองหนีบ” ความสวยงามของเขื่อนอุบลรัตน์และ ทะเลสาบกว้างใหญ่ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมอย่าง ไม่ขาดสาย
สถานที่ท่องเที่ยว ก่อนเดินทางเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ สามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายทางที่น่าสนใจ ซึ่งมีทั้งสถานที่ สำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติหลายแห่ง เช่น พระธาตุขามแก่น วัดพระบาท ภูพานคำ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น บึงแก่นนครอุทยานแห่งชาติ ภูเก้า-ภูพานคำ และอำเภอชนบท ซึ่งมีการทอผ้าไหมพื้นเมือง “ซิ่นมัดหมี่” ที่มีชื่อเสียงมาก
8.เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ
เขื่อนจุฬาภรณ์ มีลักษณะเป็นแบบหินถมแกนกลางเป็นดินเหนียวบดอัดทับแน่นด้วยหินและกรวด ตัวเขื่อนยาว 700 เมตร สันเขื่อนกว้าง 8 เมตร สูง 70 เมตร เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญมากอีกเขื่อนหนึ่งต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งบริเวณโดยรอบของที่ตั้งตัวเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงามมาก มีอากาศเย็นสบายตลอดปี จนได้สมญาว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ของประเทศไทย” เขื่อนจุฬาภรณ์ จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนอีก แห่งหนึ่งของภูมิภาคนี้
จากการที่บริเวณรอบ ๆ เขื่อนจุฬาภรณ์ เป็นพื้นที่ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งภายในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงเขื่อนจุฬาภรณ์ ที่มีเส้นทางการเดินทางสะดวก ปลอดภัย นอกจากนี้ การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในจังหวัดชัยภูมิ มีระยะทางไม่ไกลเมื่อเริ่มต้นเดินทางจากเขื่อนจุฬาภรณ์ จึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 8 แสนคน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ทุ่งดอกกระเจียวบริเวณป่าหินงามทุ่งโขลงช้าง อุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็นต้น
9.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” แปลว่า “Light of the Kingdom” ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 150,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา
สำหรับพื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
10.เขื่อนบางลาง จ.ยะลา
ส่งท้ายกันที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พาไปชม “เขื่อนบางลางไ กั้นแม่น้ำปัตตานีที่บริเวณบ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ห่างจากตัวอำเภอเมือง 58 กิโลเมตร ตัวเขื่อนเป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 430 เมตร กว้าง 10 เมตร อ่างเก็บน้ำมีความจุ 1,420 ล้านลูกบาศก์ นอกจากมีประโยชน์ในด้านการชลประทานแก่พื้นที่เพาะปลูก ของจังหวัดยะลาและปัตตานีแล้ว ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญในภาคใต้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดยะลาอีกด้วย
กิจกรรมน่าทำของที่นี่สามารถล่องแพหรือนั่งเรือชมทัศนียภาพป่าฮาลา รวมทั้งเกาะแก่งเหนือเขื่อนบางลาง ใช้เวลาล่องประมาณ 4 ชั่วโมง ค่าบริการชั่วโมงแรก 500 บาท ชั่วโมงต่อไป 400 บาท หรือสำรวจธรรมชาติของป่าฮาลา ผืนป่าบริสุทธิ์ซึ่งอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลก ๆ อันเป็นพันธุ์เฉพาะถิ่นขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ใบไม้สีทอง ปาล์มบังสูรย์ เฟินดึกดำบรรพ์ บัวผุด ละยังสามารถชมสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ฝูงกระทิง กวางป่า หมูป่า เก้ง นากใหญ่ขนเรียบ ฝูงลิง ค่าง กินยอดหลุมพอริมฝั่งคลองต่าง ๆ ในผืนป่าฮาลา นอกจากนี้ยังได้สัมผัสนกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกชนหิน นกเงือกปากดำ นกกาฮัง น้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกกิตติโชควัฒนา น้ำตกคลองโต๊ะโมะ และน้ำตกคลองน้ำใส อีกด้วย