“กสิกรไทย”เผยดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจทรงตัว
ระดับของดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงที่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในปีก่อนต่อเนื่อง
เดือนส.ค. 2564 สถานการณ์การระบาดยังมีความน่ากังวล จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันและจำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง มีการยกระดับมาตรการคุมเข้มการระบาดเพิ่มเติมโดยให้มีการล็อกดาวน์เพิ่มเติมเป็น 29 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. 64 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจต่าง ๆ ภายในประเทศต่อเนื่องจากเดือนก่อน มาตรการที่เข้มงวดขึ้นและสถานการณ์ที่ยืดเยื้อกดดันดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของ
ครัวเรือนในเดือนส.ค.64 ให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องที่ 33.0 โดยครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ไม่รวมภาระหนี้ เนื่องจากครัวเรือนบางส่วนมีการเร่งซื้อสินค้ามากขึ้นในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจึงใช้จ่ายลดลงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกับเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน (PCI Index) ในเดือนก.ค. 64 ที่ชะลอตัวลง -8.1% YoY นอกจากนี้ครัวเรือนยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงขึ้นสะท้อนจากระดับอัตราเงินเฟ้อในส่วนของไข่ และผลิตภัณฑ์นม (+3.82% YoY) รวมถึงเครื่องประกอบอาหารที่เพิ่มขึ้น (+3.99% YoY) ขณะที่มุมมองเกี่ยวกับรายได้และการมีงานทำได้รับปัจจัยหนุนบางส่วนจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างผ่านระบบประกันสังคมของภาครัฐที่เริ่มมีการจ่ายเงินตั้งแต่ 4 ส.ค. แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบในดัชนี สถานการณ์เกี่ยวกับการจ้างงานและรายได้ยังมีความน่ากังวล โดยผลสำรวจระบุว่าหน่วยงานหรือองค์กรที่ปรับลดค่าจ้างมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 64 ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่มีความน่ากังวลและมาตรการคุมเข้มการระบาดที่เข้มงวดขึ้นมาต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าภาวะการจ้างงานยังมีแนวโน้มเปราะบาง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อกำลังซื้อของครัวเรือนต่อเนื่อง ด้านดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 35.5 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยซึ่งคาดว่าเกิดจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เริ่มทรงตัวในช่วงปลายเดือนส.ค.ประกอบกับการคาดหวังว่าจะมีการคลายล็อกดาวน์ในช่วงเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำจากช่วงต้นปี บ่งชี้ว่าภาพรวมครัวเรือนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะการครองชีพและการครองชีพของตนเองในอนาคต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลังของปีว่าเข้ามาช่วยเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง ผลสำรวจระบุว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้า/น้ำประปา(ส.ค.-ก.ย.64) เป็นมาตรการที่เข้ามาช่วยเยียวยาผลกระทบได้บ้าง (63.8%) ซึ่งคาดว่ามีสาเหตุมาจากมาตรการดังกล่าวสามารถเข้าถึงครัวเรือนทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขหรือการลงทะเบียน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายประจำรายเดือนของทุกครัวเรือนที่ปัจจุบันบางส่วนเผชิญกับภาวะรายได้ที่ลดลง ขณะที่มาตรการที่ไม่ช่วยเลยและไม่เข้าร่วมคือมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ (82.8%) เนื่องจากมาตรการดังกล่าวออกมาในช่วงที่สถานการณ์ระบาดยังไม่รุนแรงและยังไม่มีมาตรการคุมเข้มการระบาด
สำหรับท่านแล้วมาตรการของภาครัฐต่อไปนี้ ช่วยเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างไรบ้าง
แม้ในช่วงต้นเดือนก.ย. จะมีการคลายล็อกมาตรการคุมเข้มการระบาดบางส่วนแล้ว แต่ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพในระยะข้างหน้าของครัวเรือนยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งในส่วนของตลาดแรงงานที่ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากภาวะการจ้างงานในภาคบริการ เช่น ภาคการท่องเที่ยวยังไม่สามารถกลับมาได้เต็มที่ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือน นอกจากนี้สถานการณ์การระบาดที่ยังมีความเสี่ยง จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในระดับสูง อัตราการฉีดวัคซีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำอาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่สามารถกลับมาได้เต็มที่สะท้อนจากดัชนี google mobility index ( รายงานวันที่ 4 ก.ย. 64) ที่เป็นข้อมูลการเดินทางที่สามารถสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บางส่วนบ่งชี้ว่า ในส่วนของร้านค้าปลีกและนันทนาการนั้น การเดินทางยังไม่ได้กลับมาเป็นบวก (-19% จากช่วงปกติ) อีกทั้งจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ในต่างประเทศที่แม้มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับสูงแล้ว แต่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นความไม่แน่นอนจากโรคระบาดจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ปัจจุบันมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ตรงจุด เข้าถึงได้ง่าย และครอบคลุมมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและช่วยประคับประคองการดำรงชีพของครัวเรือนควบคู่ไปกับการเร่งควบคุมสถานการณ์ เช่น การตรวจเชิงรุก และการจัดหา จัดสรร สร้างความเชื่อมั่นและแจกจ่ายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในระดับปัจจุบัน (ส.ค. 64) และ 3 เดือนข้างหน้ายังบ่งชี้ถึงความกังวลต่อการครองชีพของภาคครัวเรือน ภาครัฐควรมีมาตรการเยียวยาที่ตรงจุดและเข้าถึงง่ายพร้อมกับเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์รวมถึงในเรื่องของวัคซีนเพื่อให้สถานการณ์การระบาดบรรเทาลง และเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคเศรษฐกิจต่อเนื่อง