มูดีส์ลดอันดับเครดิตจีน
จีนถูกสถาบันมูดีส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือลง จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของจีน
สถาบันมูดีส์ซึ่งให้บริการกับนักลงทุนได้ลดอันดับเครดิตค่าเงินในประเทศและต่างประเทศของจีนลงหนึ่งขั้นลงไปอยู่ที่ Aa3 จากเดิมคือ A1
โดยมูดีส์แถลงว่า การลดอันดับสะท้อนถึงการคาดการณ์ความแข็งแกร่งทางสถานะการเงินของจีนว่าจะลดทอนเศรษฐกิจในอนาคตด้วยมูลค่าหนี้ที่ส่งผลให้ศักยภาพในการเติบโตชะลอตัวลง
เศรษฐกิจของจีนมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.7% ในปี 2559 เมื่อเทียบกับ 6.9% ในปี 2558 นับเป็นตัวเลข
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา
“ การถูกลดอันดับจะส่งผลกระทบด้านลบกับจีนอย่างแน่นอน” เลี่ยวชุนจาก Citic Bank International ในฮ่องกงให้ความเห็น โดยสรุปว่า “ ผลกระทบโดยตรงคือจะทำให้การบริหารจัดการหนี้ของจีนมีความยุ่่งยากมากขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านการเงินจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มูดีส์ให้ข้อมูลนักลงทุนด้วยการลดอันดับจีนจากมูลค่าหนี้ในรอบมากกว่า 25 ปี นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่น่าจับตามอง
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สถาบันระดับนานาชาติออกโรงเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นของจีน ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อ 2- 3 ปีก่อน
การถูกลดอันดับเครดิตของจีนครั้งนี้ทำลายความเชื่อที่ว่ารัฐบาลจีนมีความสามารถที่จะลดจำนวนหนี้ลงได้
ปัจจุบัน มีการประเมินว่า จีนมีหนี้ประมาณ 260% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งสูงกว่าระดับหนี้ที่มีความเสี่ยง
แต่เนื่องจากหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของรัฐวิสาหกิจของจีน ไม่ใช่ของนักลงทุนต่างชาติ จึงยังไม่น่าส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจประเทศอื่น
แต่เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าและบริการที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จึงหมายความว่า ปัจจัยด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั่วโลกได้
โดยจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์รายสำคัญของโลก และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้ลดลงตามไปด้วย
รัฐบาลจีนตั้งเป้าจะปรับสมดุลเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศเป็นเรื่องท้าทายสำคัญสำหรับภาคการผลิต และมีการปลดพนักงานออก โดยเฉพาะพนักงานรัฐวิสาหกิจในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก
การถูกลดอันดับเครดิตจากมูดีส์มีขึ้นหลังจาก รัฐบาลจีนมีความพยายามที่จะเคลียร์การกู้ยืม ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยร้ายต่อเสถียรภาพทางการเงิน.