กินชีสไม่ได้เพิ่มโรคอย่างที่คิด
ความเชื่อที่ว่า บริโภคชีสมากเกินไปจะเป็นอันตรายกับสุขภาพนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด อ้างอิงจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ หลังจากค้นพบว่าไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างการกินผลิตภัณฑ์จากนมและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคหัวใจล้มเหลวและโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
โดยการค้นพบความท้าทายนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังด้านสุขภาพมีความเชื่อว่า อาหารบางชนิด เช่น ชีสไขมันสูง นม และโยเกิร์ต อาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เนื่องจากมีปริมาณไขมันอิ่มตัวสูงเกินไป
“ เป็นความเชื่อของสาธารณชนในวงกว้างในช่วง 5 – 10 ปีที่ผ่านมานี้ เกี่ยวกับไขมันอิ่มตัวที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจล้มเหลวและหลอดเลือดสมอง และความเชื่อในเรื่องนี้ก็ขยายตัวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ” เอียน กิฟเวนส์ อาจารย์ด้านโภชนาการอาหารที่มหาวิทยาลัยรีดดิ้ง กล่าวกับหนังสือพิมพ์ The Guardian เมื่อวันที่ 9 พ.ค.
ทีมนักวิจัยนานาชาติ รวมทั้งนายกิฟเวนส์ ได้วิเคราะห์ผลลัพธ์จาก 29 กรณีศึกษาทางการแพทย์ที่แตกต่างกัน ที่เกิดขึ้นในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา โดยใช้ข้อมูลบนพื้นฐานของผู้เข้าร่วมในการวิจัยเกือบ 1 ล้านคน ผลการค้นพบของทีมถูกเผยแพร่ใน European Journal of Epidemiology
“ มีความเชื่อผิดๆ ที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางต่อสาธารณะว่า ผลิตภัณฑ์จากนมทั่วไปอาจส่งผลร้ายสำหรับสุขภาพของคุณ แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ขณะที่ความเชื่อนี้ยังแพร่กระจายไปอย่าง ต่อเนื่อง ผลการวิจัยของเรากลับชี้ให้เห็นว่า เป็นความเชื่อที่ผิด” นายกิฟเวนส์กล่าว
นายแพทย์ไมค์ แนปตัน แพทย์และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ที่ British Heart Foundation (BHF) บรรยายว่า การกล่าวอ้างเกี่ยวกับไขมันอิ่มตัวนั้นเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์และเป็นเรื่องที่ผิด
“ ผลการทำวิจัยนานหลายทศวรรษพิสูจน์ว่า การงดบริโภคไขมันอิ่มตัวจะเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดเลวในเลือดคุณ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจล้มเหลว หรือหลอดเลือดสมองมากขึ้น” นายแพทย์แนปตันกล่าว
ขณะเดียวกัน ระบบดูแลสุขภาพของสหราชอาณาจักร ยังคงแนะนำให้ผู้บริโภคลดปริมาณการบริโภคไขมันอิ่มตัวในอาหาร เพราะไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุสำคัญที่เพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด.