มาครงจะช่วยบูรณาการอียู
ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ได้มอบอำนาจให้นายเอ็มมานูเอล มาครงช่วยหนุนความแข็งแกร่งให้กับยูโรโซน และผลักดันให้มีการปฏิรูปบูรณาการสหภาพยุโรปอย่างลงลึกมากขึ้น นายปิแอร์ มอสโควิซิ คณะกรรมาธิการยุโรปให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสุดท้ายของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายมาครงสามารถชนะการเลือกตั้งโดยทิ้งห่างคูแข่งคือนางมารีน เลอเปน ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายขวาจัดได้ถึง 30% กว่า ชี้ให้เห็นถึงดีมานด์ที่ชัดเจนของชาวฝรั่งเศสที่ยังสนับสนุนการเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปต่อไป
จากการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายมอสโควิซิ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจและการเงิน ภาษีและศุลกากร กล่าวว่า นายมาครงต้องตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องไกล่เกลี่ยประนีประนอมประเทศที่มีการแบ่งแยก แต่เสริมว่าเสียงส่วนใหญ่ทำให้หน้าที่ของเขาชัดเจนขึ้น
“ ตอนนี้เขาได้รับมอบอำนาจจากประชาชน และอำนาจที่ได้เท่ากับเป็นการบูรณาการความสัมพันธ์กับอียูให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะกับยูโรโซน ” นายมอสโควิซิกล่าวในกรุงปารีส
“ สิ่งที่เราต้องการในวันนี้คือ ความเป็นยูโรโซนที่มีเสถียรภาพ ” เขาเสริม
นอกจากนี้ เขายังกล่าวต่อว่า งานของนายมาครงจะพุ่งเป้าไปที่การขับเคลื่อนยุโรป เนื่องจากเบร็กซิททำให้ทางอียูต้องการจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก 27 ประเทศให้แน่นแฟ้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการและยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน
“ สิ่งสำคัญที่สุดในการให้ความร่วมมือกันคือความเป็นยูโรโซน ยุโรปในวันพรุ่งนี้ เมื่อสหราชอาณาจักรแยกตัวออกไปแล้ว ซึ่งคิดเป็นประมาณ 85% ของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ของอียู และทุกประเทศทั้งหมดในอียู จะมีความสามารถที่จะเข้าร่วมในอียู ” เขากล่าว
“ ยูโรคือประเทศในยุโรปทั้งหมด เราจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้น ซึ่งเป็นพลังใหม่ของยูโรโซน ” เขาย้ำ
ความเห็นของเขามีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 6 เดือน เพราะตลาดมีความผ่อนคลายลงเนื่องจากนางมารีน เลอเปนซึ่งเป็นผู้ที่อยากให้ฝรั่งเศสแยกตัวออกจากอียูและเลิกใช้เงินสกุลยูโรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายมาครงชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยได้คะแนนเสียงไปประมาณ 66% ขณะที่นางเลอเปนได้คะแนนไป 33%.