มาครงชนะเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส
นายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลางชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสด้วยคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งนางมารีน เลอเปน ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายขวาจัด
โดยนายมาครงชนะการเลือกตั้งรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ไปด้วยคะแนน 66.06% ขณะที่นางเลอเปนได้คะแนนไป 33.94% ทำให้นายมาครงในวัย 39 ปีกลายเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุดและเป็นผู้นำประเทศในระบอบประชาธิปไตยที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกด้วย
ผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสกล่าวว่า นี่เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส “ ผมต้องการเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่บันทึกความหวังและความเชื่อถือขึ้นมาใหม่ ”
ทั้งนี้ นายมาครงกล่าวว่า เขารับรู้ได้ถึงความเดือดดาล ความวิตกกังวล และความคลางแคลงใจที่หลายคนแสดงออกมา และปฏิญาณตนว่าจะใช้เวลา 5 ปีในตำแหน่งเพื่อต่อสู้กับพลังของการแบ่งแยกที่กัดกร่อนทำลายฝรั่งเศส โดยเขากล่าวว่า เขาจะทำให้ประเทศมีความสามัคคี รวมถึงป้องกันและปกป้องยุโรปด้วย
กลุ่มผู้สนับสนุนนายมาครงหลายพันคนต่างมารวมตัวกันฉลองชัยชนะที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในใจกลางกรุงปารีสเพื่อแสดงออกถึงความยินดีที่ได้ผู้นำคนใหม่ที่พวกเขาพอใจ
โดยนายมาครงได้กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า “ คืนนี้พวกคุณชนะ ฝรั่งเศสชนะ ทุกคนบอกเราว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาไม่รู้จักฝรั่งเศสดีพอ ” แต่เขากล่าวซ้ำหลายครั้งถึงงานที่เขาต้องเผชิญและประเทศฝรั่งเศสช่างกว้างใหญ่ เขากล่าวว่า “ เรามีกำลัง พลังงาน และความตั้งใจจริง และเราจะไม่กลัวสิ่งใด ”
ในขณะที่คู่แข่งคือนางเลอเปนได้กล่าวสุนทรพจน์ขอบคุณประชาชนประมาณ 11 ล้านคนที่ลงคะแนนให้เธอ เธอกล่าวว่าการเลือกตั้งได้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มผู้รักชาติและกลุ่มโลกาภิวัตน์ เธอได้เรียกร้องถึงความเร่งด่วนฉุกเฉินของนโยบายการเมืองใหม่ นอกจากนี้ เธอยังอวยพรให้นายมาครงประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่เขาต้องเผชิญ
ทั้งนี้ นายมาครงเป็นนักการเมืองสายกลางที่เป็นเสรีนิยม เชิดชูธุรกิจและสนับสนุนสหภาพยุโรป เขาลาออกจากพรรครัฐบาลของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์เมื่อเดือนส.ค. ปีที่แล้วเพื่อจัดตั้ง En Marche ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวใหม่ของเขา เขาได้กำหนดบทบาทว่า จะเป็นกลาง ไม่เป็นทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
ในการรณรงค์หาเสียงของเขา เขาได้ให้คำมั่นว่าจะลดการจ้างงานในภาครัฐลง 120,000 ตำแหน่งงาน และตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลลงอีก 60,000 ล้านยูโร และจะทำให้อัตราการว่างงานลดลงต่ำกว่า 7%
เขายังสัญญาว่า จะแก้ไขกฎหมายแรงงานให้ผ่อนคลายขึ้น และจะให้การป้องกันเพิ่มเติมกับการทำงานอิสระ และเขายังมีจุดยืนเป็นผู้สนับสนุนวิถีทางของสหภาพยุโรป ซึ่งตรงกันข้ามอย่างชัดเจนกับนางเลอเปน
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลจากหลายฝ่ายถึงการทำหน้าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต่อจากนี้ของนายมาครง เนื่องจากเขามีประสบการณ์ทางการเมืองค่อนข้างน้อย.