รัสเซียโว วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพ 92%
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. รัสเซียระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ที่รัสเซียผลิตมีประสิทธิภาพถึง 92% ในการป้องกันการติดโรคระบาดโควิด-19 อ้างอิงจากผลการทดสอบวัคซีนล่าสุด
คำประกาศของกองทุนความมั่งคั้งแห่งชาติของรัสเซียคือ RDIF มีขึ้นสองวันหลังจากบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ คือไฟเซอร์และ BioNTech หุ้นส่วนจากเยอรมนีออกมาแถลงว่า วัคซีนที่ร่วมกันผลิตมีประสิทธิภาพเกิน 90% ในการทดสอบวัคซีนระยะ 3
โดย RDIF ระบุว่า ผลลัพธ์จากการทดสอบทางคลินิกระยะ 3 ของวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ‘Sputnik V’ ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีน “จากพื้นฐานของผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 จำนวน 20 ราย ที่แยกกันระหว่างผู้ได้รับวัคซีน และผู้ได้รับวัคซีนหลอก”
“ จากอาสาสมัคร 40,000 รายในปัจจุบันที่เข้าร่วมในการทดลองแบบอำพรางสองฝ่ายและแบบสุ่ม คือมีผู้ที่ได้รับวัคซีนหลอกที่ควบคุมโดยวัคซีน Sputnik V โดยกว่า 20,000 รายได้รับวัคซีนเข็มแรก และกว่า 16,000 ได้รับวัคซีน 2 เข็ม” จากแถลงการณ์บนเว็บไซต์ Sputnik V เมื่อวันที่ 11 พ.ย.
ในเดือนส.ค. รัสเซียเป็นประเทศแรกที่จดทะเบียนและอนุมัติวัคซีนโควิด-19 แต่คำประกาศของรัสเซียก่อให้เกิดความกังวลกับสมาชิกในประชาคมวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความเร็วของการอนุมัติ โดยในเวลานั้น วัคซีนยังไม่ได้เริ่มการทดลองระยะ 3 และขาดข้อมูลที่จะสนับสนุนคำกล่าวอ้างของรัสเซียเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน
รัสเซียตีพิมพ์ข้อมูลบางส่วนจากการทดสอบทางคลินิกขั้นต้นในเดือนก.ย. และย้ำหลายครั้งว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. RDIF ระบุว่า “ ไม่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในระหว่างการทดลอง และยังมีการจับตาดูผู้เข้าร่วมการทดสอบต่อไป”
การสังเกตการณ์ผู้เข้าร่วมการทดสอบจะดำเนินต่อไปอีก 6 เดือนก่อนจะมีการนำเสนอรายงานเต็มรูปแบบของการทดสอบระยะ 3 แต่ชี้ว่า ข้อมูลวิจัยระหว่างนั้นจะมีการตีพิมพ์โดยทีม Gamaleya Center ผู้พัฒนาวัคซีน “ในหนึ่งในวารสารการแพทย์ระหว่างประเทศชั้นนำ” โดยไม่ได้ระบุว่าเมื่อไร
ถ้อยแถลงล่าสุดจากรัสเซียมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศว่า ประเทศกำลังพัฒนาวัคซีนตัวที่ 3 โดยเขายังระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศเรื่องวัคซีน แต่เตือนถึงเรื่องประเด็นการเมืองที่ครอบงำกระบวนการผลิตวัคซีน
รัสเซียเองเคยถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูลเรื่องวัคซีน ในช่วงเวลาที่บริษัทผลิตยาทั่วโลกพยายามพัฒนาวิธีการป้องกันไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.2 ล้านรายทั่วโลก จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส โดยรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลกคือประมาณ 1.8 ล้านราย