ฝรั่งเศสเลือกตั้งหลังเหตุร้าย

ชาวฝรั่งเศสผูัมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในฝรั่งเศสมุ่งหน้าไปลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ของพวกเขา หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายจนทำให้ตำรวจเสียชีวิตในกรุงปารีสเมื่อสามวันก่อน
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50,000 นาย และเจ้าหน้าที่ทหาร 7,000 นายที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยให้กับการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้ง 11 คนต่างแข่งขันกันหาเสียงอย่างเข้มข้นเพื่อเอาชนะใจประชาชนชาวฝรั่งเศสเพื่อให้ได้เป็นผู้นำประเทศคนใหม่ โดยผู้เข้าแข่งขันมีทั้งฝ่ายซ้ายจัด จนถึงฝ่ายขวาตกขอบ
ทั้งนี้ ผู้ลงชิงชัย 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจะเข้าไปสู้กันต่อในรอบตัดสินในอีก 2 สัปดาห์หน้า
โดยคูหาเลือกตั้งในฝรั่งเศสเปิดให้ประชาชนเข้าไปลงคะแนนได้ในเวลา 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้ที่อยู่นอกอาณาเขตจะเริ่มลงคะแนนเลือกตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. การลงคะแนนจะจบลงในเวลา 20.00 น. และคาดว่า เอ็กซิทโพลล์จะรู้ผลหลังจากนั้น
ผู้ลงสมัครมีการดีเบตหรือประชันวิสัยทัศน์กันไปหลายครั้งในประเทศ ทั้งหมดต่างก็เสนอวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันในเรื่องยุโรป การอพยพเข้าเมือง เศรษฐกิจและอัตลักษณ์ของฝรั่งเศส
มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้นในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หลังจากเพิ่งเกิดเหตุร้ายที่นายคาริม เชอร์ฟี ฆาตกรที่ยิงตำรวจเสียชีวิตหนึ่งนายบนช่วงต้นถนนช็องส์-เอลิเซส์ในกรุงปารีส
โดยนายเชอร์ฟีถูกวิสามัญโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพบกระดาษโน้ตตกอยู่ข้างตัวที่ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในนักรบของกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม
หน่วยความมั่นคงแห่งชาติเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของการพูดคุยในระหว่างการรณรงค์หาเสียง แต่บรรดาผู้สมัครต่างใช้ประโยชน์จากการโจมตีไปเพื่อผลลัพธ์ทางการเมือง
คาดการณ์กันว่า จะไม่มีผู้สมัครคนใดที่จะได้คะแนนสูงถึง 50% เพื่อเป็นการชนะได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยการชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบต่อไประหว่างผู้สมัครที่มีคะแนนนำสูงสุด 2 คนจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.นี้
นายฟิลลง เป็นคนเดียวท่ามกลางผู้สมัครที่มาจากพรรคที่ได้จัดตั้งคณะรัฐบาล ขณะที่เบอร์นัวต์ อามอง ผู้สมัครจากพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ดูเหมือนจะหมดโอกาสที่จะชนะ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากประชาชน ไม่มีโอกาสที่จะได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ซึ่งนับเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของประเทศฝรั่งเศสที่ไม่ได้อยู่ต่อเป็นสมัยที่ 2.