สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดขนาดมหึมาคร่า 36 ชีวิต
กระทรวงกลาโหมของอัฟกานิสถานรายงานต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า สหรัฐฯ ทิ้งระเบิด MOAB หรือ เจ้าแม่ระเบิดสำหรับต่อสู้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนอกจากนิวเคลียร์ ในแหล่งฐานใหญ่ของหน่วยไอเอสและคาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากการระเบิดในครั้งนี้ราว 36 ราย
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งโจมตีกรุงคาบูลเมื่อวันที่ 13 เม.ย. แม้ว่าจะมีกองกำลังสหรัฐฯ ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานเกือบ 9,000 ราย สร้างความสงสัยในเป้าหมายของนายทรัมป์ที่สั่งโจมตีในครั้งนี้
ทั้งนี้จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอนและเป็นทางการ แต่นายดาวลัต วาซิรี โฆษกประจำประทรวงกลาโหมกล่าวว่า ไม่มีพลเรือนคนใดได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายจากการระเบิดที่รุนแรงในครั้งนี้ โดยเชื่อว่าวิถีของระเบิดคือแหล่งกบดานของหน่วยไอเอส เช่นถ้ำและอุโมงค์
นายดาวลัตกล่าวว่า “ ไม่มีรายงานเกี่ยวกับพลเรือนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และมีเพียงแค่ฐานซึ่งเคยถูกหน่วย DAESH โจมตีในส่วนอื่นๆ มาก่อนที่ถูกทำลายโดยระเบิดของสหรัฐฯ”
นายอาดัม สตัมป์ โฆษกของเพนตากอนกล่าวเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่า ระเบิด MOAB มีชื่อเต็มว่า Massive Ordnance Air Blast GBU-43 มีน้ำหนัก 9,797 กก. โดยมีเครื่องบิน MC-130 เป็นตัวปล่อยระเบิดลงในเขตอะชิน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดนันการ์ฮาร์
โดยระเบิดนี้ MOAB เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เจ้าแม่ระเบิด เป็นระเบิดที่มี GPS ในการนำทางและกำหนดวิถีการยิง ซึ่งไม่เคยมีการใช้งานระเบิด MOAB มาก่อนนับตั้งแต่การทดสอบในปี 46 ในครั้งนั้นระเบิด MOAB มีรัศมีการระเบิดเป็นรูปทรงเห็ดที่กว้างกว่า 32 กม.
กำลังการทำลายล้างของระเบิด MOAB นั้นรุนแรงเท่ากับระเบิด TNT จำนวน 11 ตัน แต่ยังถือว่ามีกำลังการทำลายล้างที่น้อยมากเมื่อเทียบกับระเบิดที่สหรัฐฯปล่อยลงในประเทศญี่ปุ่นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งระเบิดทั้ง 2 ลูกมีกำลังการทำลายล้างเท่ากับระเบิด TNT 15,000 และ 20,000 ตัน
ทางด้านหมู่บ้านที่ห่างจากฐานของไอเอสบนภูเขาที่ถูกระเบิดประมาณ 5 กม. รายงานว่ามีพยานเห็นพื้นในละแวกหมู่บ้านนั้นเคลื่อนตามแรงระเบิด แต่ทางบ้านเรือนและร้านค้าภายในหมู่บ้านไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
นายพาลสตาร์ คาน พลเรือนที่อาศัยในหมู่บ้านกล่าวว่า “ ระเบิดนี้มีกำลังทำลายล้างรุนแรงและใหญ่มาก ตอนที่มันถูกทิ้งลงในฐาน ทุก ๆ อย่างสั่นไหวไปหมด ” โดยเขาเสริมว่าตามรายงาน ไม่มีใครในหมู่บ้านได้รับบาดเจ็บ
การระเบิดในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ มุ่งเป้าโจมตีมาที่ฐานของหน่วยไอเอสในนันการ์ฮาร์อย่างจริงจัง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทหารกำลังรบพิเศษของสหรัฐฯถูกสังหารในการต่อสู้กับหน่วยไอเอส จนนำมาสู่ความรุนแรงในครั้งนี้
ทางสหประชาชาติกำลังกังวลอย่างหนักว่าการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อพลเรือนในอัฟกานิสถานหากยังมีการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้
ในปี 2559 การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ คร่าชีวิตพลเรือนไปมากกว่า 127 ราย ได้รับบาดเจ็บ 108 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีผู้เสียชีวิต 103 ราย และบาดเจ็บ 67 ราย.