โควิด-19 มีแนวโน้มกลายเป็น ‘โรคประจำถิ่น’
ลอนดอน – โรคระบาดโควิด -19 มีแนวโน้มจะกลายเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ เหมือนกับโรคหวัดตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี จากข้อมูลของหัวหน้าที่ปรึกษานักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษ
แม้ปัจจุบัน จะมีวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาจนมีศักยภาพหลายตัวกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบทางคลินิกระยะสุดท้าย แต่แพททริก วัลแลนซ์ ระบุว่า ไม่มีแนวโน้มที่จะกำจัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ได้อย่างเด็ดขาด
“ แนวคิดที่จะกำจัดโควิดให้หมดสิ้นไปไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะมันจะกลับมาอีก” เขากล่าว โดยชี้ว่ามีโรคติดต่อระหว่างมนุษย์เพียงโรคเดียวที่ถูกกำจัดได้อย่างแท้จริงด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพคือไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ
“ เราไม่อาจแน่ใจได้ แต่ผมคิดว่า ไม่มีแนวโน้มว่าเราจะยุติโรคระบาดนี้ด้วยวัคซีนที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง สิ่งที่หยุดการติดเชื้อได้อย่างเด็ดขาด และมีแนวโน้มว่าโรคนี้จะแพร่กระจายวนเวียนอีกและกลายเป็นโรคประจำถิ่น นี่เป็นการประเมินในส่วนของผม” วัลแลนซ์กล่าวกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
“ ชัดเจนว่ามีการจัดการที่ดีขึ้น เมื่อคุณได้รับวัคซีน จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ และความรุนแรงของโรค จากนั้น โรคนี้จะกลายเป็นเหมือนโรคหวัดประจำปีมากขึ้น และอาจเป็นทิศทางที่เราจะยุติเรื่องนี้”
บริษัทไบโอเทคและสถาบันวิชาการทั่วโลกเข้าร่วมผนึกกำลังกันจากความพยายามที่จะผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาในช่วงเวลาที่โรคยังคงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันที่ 19 ต.ค. จำนวนผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 ทั่วโลกสูงทะลุ 40 ล้านราย และไวรัสทำให้มีผู้เสียชีวิต 1.1 ล้านรายทั่วโลก จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส
วัลแลนซ์ระบุว่า จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาเฉลี่ยถึง 10 ปีในการพัฒนาวัคซีนให้พร้อมใช้งาน และระบุว่าไม่เคยใช้เวลาน้อยกว่า 5 ปี
“ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษมาก เรามีวัคซีนอย่างน้อย 8 ตัวซึ่งอยู่ในระหว่างการทดสอบทางคลินิกขนาดใหญ่ทั่วโลก เราจะทราบในอีกไม่กี่เดือนหน้านี้ว่า เรามีวัคซีนที่สามารถปกป้องเราได้จริงๆ และจะปกป้องเราได้นานแค่ไหน”
โดยเขาเสริมว่า มีวัคซีนจำนวนหนึ่งที่สร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และการตอบสนองของแอนตีเจน แต่การทดสอบทางคลินิกระยะ 3 จะเป็นการพิสูจน์ว่า “สามารถหยุดไม่ให้มนุษย์ติดเชื้อได้หรือไม่” ความปลอดภัยของวัคซีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น และจากนี้ จะมีการจับตามองยุทธศาสตร์ในการฉีดวัคซีนอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ วัลแลนซ์สรุปว่า เขาเชื่อว่าจะมีวัคซีนพร้อมใช้อย่างกว้างขวางอย่างเร็วที่สุดคือในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า