จ่อเปลี่ยนกฎดีเบต ‘ทรัมป์’ – ‘ไบเดน’ ครั้งหน้า
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. กลุ่มที่จัดให้มีการดีเบตการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธฺบดีสหรัฐฯระบุว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการดีเบตอีกสองครั้งหน้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตเพื่อให้อยู่ในระเบียบมากกว่าการดีเบตครั้งแรก
โดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับคณะกรรมการดีเบตประธานาธิบดีกล่าวกับสื่อว่า ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงในขั้นสุดท้าย แต่แหล่งข่าวยังระบุว่า ทางกลุ่มกำลังพิจารณาตัดเสียงพูดออกไมโครโฟน หากผู้พูดกำลังละเมิดกฎการดีเบต
ทั้งนี้ การดีเบตครั้งแรกระหว่างทรัมป์และไบเดนในคลีฟแลนด์เมื่อคืนวันที่ 29 ก.ย.ไม่อยู่ในกฎระเบียบ มีการตั้งฉายาให้กันและพูดแทรกอีกฝ่ายขณะพูดอยู่บ่อยครั้ง ที่เห็นได้ชัดคือฝ่ายทรัมป์ ที่พยายามหาโอกาสพูดแทรกไบเดนหลายสิบครั้ง จนไบเดนต้องบอกให้เขาหุบปาก
ในการสัมภาษณ์ของสื่อนิวยอร์กไทม์สเมื่อวันที่ 30 ก.ย. นักข่าวผู้ดำเนินรายการดีเบตชื่อวอลเลซ ของ Fox News ระบุว่า “ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการดีเบตจะออกนอกประเด็นได้ขนาดนี้”
“ การดีเบตเมื่อคืนก่อนทำให้เราเห็นชัดว่าควรต้องมีการปรับรูปแบบโครงสร้างรายการเพิ่ม เพื่อคงระเบียบให้การดีเบตอยู่ในประเด็นของการพูด” คณะกรรมการจัดการดีเบตระบุในแถลงการณ์
โดยคณะกรรมการเสริมว่า “ จะพิจารณาการเปลี่ยนแปลงอย่างระมัดระวัง และจะประกาศมาตรการเหล่านั้นออกมาโดยเร็ว” นอกจากนี้ คณะกรรมการยังระบุว่า รู้สึกขอบคุณวอลเลซ “ สำหรับความเป็นมืออาชีพของเขา และทักษะในการดำเนินรายการดีเบตเมื่อคืนก่อน และเรามีความตั้งใจที่จะเพิ่มเครื่องมือในการคงระเบียบไว้สำหรับการดีเบตครั้งต่อไป”
ไบเดนกล่าวกับสื่อว่า เขาสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนกฎของการดีเบตในโอไฮโอ
“ผมแค่หวังว่าจะมีวิธีที่คณะกรรมการจัดการดีเบตควบคุมความสามารถของเราในการตอบคำถามโดยไม่ถูกแทรกได้ ผมจะไม่คาดหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการดีเบตครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม”
โดยไบเดนอ้างถึงพฤติกรรมของทรัมป์ในคืนวันที่ 29 ก.ย.ว่า “เขาไม่เพียงพูดโจมตีผมและครอบครัวตลอดเวลา แต่เขายังโจมตีผู้ดำเนินรายการด้วย”
ขณะที่ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์เกี่ยวกับแผนการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “ ลองหาผู้ดำเนินรายการคนใหม่ และตัวแทนพรรคเดโมอครตที่ฉลาดกว่านี้สิ ! ”
ทั้งนี้ การดีเบตครั้งหน้าระหว่างทรัมป์กับไบเดนมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 ต.ค.ในไมอามี และการดีเบตครั้งที่ 3 จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ในแนชวิลล์