ไต้หวันจ่อแบน Tencent และ iQIYI

ไต้หวันกำลังเตรียมที่จะแบนอ้ายฉีอี้ (iQIYI) และ Tencent ในส่วนการให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่งบนเกาะไต้หวัน นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากรัฐบาลทั่วโลกที่พุ่งเป้ากับบริษัทเทคโนโลยีของจีน
จากคำประกาศแจ้งเตือนออนไลน์ของรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 ส.ค. Tencent Video และอ้ายฉีอี้ได้ดำเนินกิจการในไต้หวันอย่างผิดกฎหมายด้วยการเป็นหุ้นส่วนกับสถานีและผู้จัดจำหน่ายในประเทศเพื่อให้บริการคอนเทนต์วีดีโอผ่านการสตรีมมิ่ง
เพื่อเป็นการยุติเรื่องนี้ คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติประกาศกฎใหม่ออกมาว่า จะสั่งห้ามไม่ให้บุคคล หรือบริษัทในไต้หวันจัดหาบริการให้กับผู้ประกอบการสตรีมมิ่งในจีน และจัดจำหน่ายคอนเทนต์ของบริษัทเหล่านี้ อ้างอิงจากประกาศแจ้งเตือน
การตัดสินใจของหน่วยงานที่กำกับดูแลกำลังอยุ่ในระหว่างการรับฟังความเห็นของสาธารณชนเป็นเวลา 14 วัน โดยกฎใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ก.ย. โดย Tencent ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับสื่อ ขณะที่อ้ายฉีอี้ยังไม่ตอบคำถามสื่อในทันที
ไต้หวันมีการปกครองตัวเองในระบอบประชาธิปไตย ขณะที่จีนยังคงระบุว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ด้วยจำนวนประชากรประมาณ 24 ล้านคน ความเสียหายที่มีกับบริษัทจีนยังมีผลกระทบจำกัด แต่คำสั่งห้ามนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่ามีการต่อต้านมากขึ้นกับบริษัทเทคโนโลยีของจีนในตลาดโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวันยิ่งแย่ลงหลังไช่อิงเหวินชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในปี 2559 เนื่องจากรัฐบาลจีนมองว่าเธอมีแนวคิดเสรีนิยม ไม่ยอมรับหลักการจีนเดียวของจีน ขณะที่สหรัฐฯเองมีความใกล้ชิดกับไต้หวันมากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อเล็กซ์ อซาร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนไต้หวันเพื่อส่งสารแสดงการสนับสนุนไต้หวันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ไต้หวันตระหนักว่าอยู่ในสถานะที่มีความเสี่ยงระหว่างการทำสงครามเทคโนโลยีของสหรัฐฯกับจีน โดยหลายประเทศทั่วโลกพึ่งพาบริษัทไต้หวัน TSMC ในส่วนเซมิคอนดักเตอร์
Tencent Video และอ้ายฉีอี้ให้บริการสตรีมมิ่งเหมือนเน็ตฟลิกซ์ของสหรัฐฯ โดยมีการสตรีมคอนเทนต์ที่ได้ลิขสิทธิ์ และผลิตรายการทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ของตัวเอง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ชมที่พูดภาษาจีน
ในรายงานรายได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Tencent ระบุว่า บริการวีดีโอของบริษัทมียอดสมาชิกผู้ใช้งาน 114 ล้านราย และอ้ายฉีอี้ มียอดผู้ใช้งานเกือบ 105 ล้านราย โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ในจีน
ก่อนหน้านี้ในเดือนส.ค. ทรัมป์ประกาศแบนแอปพลิเคชั่นยอดนิยม WeChat ของ Tencent และ Tik Tok แพลตฟอร์มแชร์วีดีโอสั้นที่มี ByteDance บริษัทของจีนเป็นเจ้าของ โดยสัปดาห์ก่อน ทรัมป์สั่งให้ ByteDance ขายกิจการ Tik Tok ในสหรัฐฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
สอดคล้องกับรัฐบาลอินเดีย ที่ประกาศแบน Tik Tok และ WeChat เช่นกัน รวมถึงแอปยอดนิยมอื่นๆกว่าสิบรายของจีน
ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลทรัมป์ยังสั่งห้ามไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงเทคโนโลยีผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำหน้า ในเดือนก.ค. รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า ซัพพลายเชนของหัวเว่ยที่มีปัญหาเป็นเหตุผลสำคัญที่แบนหัวเว่ยจากโครงข่าย 5G ของประเทศ
หลายรัฐบาลอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ แม้ ByteDance และหัวเว่ยจะปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ไม่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงอย่างแน่นอนก็ตาม
หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการเงินก็จับตามองอย่างใกล้ชิดกับบริษัทจีนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยกลต.สหรัฐฯ กำลังสอบสวน อ้ายฉีอี้หลังจากในเดือนเม.ย. บริษัทถูกกล่าวหาว่ามีการตกแต่งตัวเลขผู้ใช้งานและตัวเลขรายได้ โดยอ้ายฉีอี้ออกแถลงการณ์โต้กลับว่า “ รายงานมีความผิดพลาดมาก เป็นข้อความที่ไร้เหตุผล เป็นการสรุปและตีความที่ทำให้เข้าใจผิด”