ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 4 ล้านคนในสหรัฐฯ
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 23 ก.ค. สหรัฐฯมีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมจากโควิด -19 เกิน 4 ล้านราย นับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกในสหรัฐฯ เมื่อเดือนม.ค. จากรายงานของรอยเตอร์ สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วประเทศสหรัฐฯ
โดยสหรัฐฯใช้เวลาถึง 98 วันกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจะพุ่งขึ้นแตะ 1 ล้านรายแรก แต่เพียงแค่ 16 วันเท่านั้น ตัวเลขผู้ป่วยในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านรายเป็น 4 ล้านราย ตัวเลขทั้งหมดชี้ให้เห็นอัตราส่วนว่ามีชาวอเมริกันอย่างน้อย 1 ใน 82 คนที่ติดเชื้อไวรัส
ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,600 รายต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก
ศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐฯ แพร่กระจายจากนิวยอร์กไปทางใต้และตะวันตก ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลาง ของรัฐ และของท้องถิ่นมีการโต้แย้งกันเรื่องการคลายล็อกดาวน์ให้กับชาวอเมริกันและธุรกิจ
การกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะกลายเป็นประเด็นความแตกแยกทางการเมืองที่รุนแรง เนื่องจากมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่เห็นต่างและโต้แย้งว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งปฏิเสธมาตลอดในการกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ และตัวเขาเองก็ไม่ยอมสวมเช่นกัน แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เขากลับลำและขอความร่วมมือให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย
“ เราต้องทำตามมาตรการที่ช่วยบรรเทาการระบาดคือสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงกลุ่มคน เราจะยังไม่เห็นตัวเลขผู้ป่วยในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตลดลงไปอีก 2 – 3 สัปดาห์เพราะขาดการชี้นำ แต่เรากำลังจะเปลี่ยนแปลง ” Brett Giroir รมช.กระทรวงสาธารณสุขกล่าวให้สัมภาษณ์
โดย Giror ยังได้ผลักดันให้มีการตรวจหาเชื้อที่เร็วขึ้น และ Quest Diagnostics ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัททดสอบทางการแพทย์รายใหญ่ที่สุดระบุเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ว่า คาดการณ์ว่าจะลดการตรวจทดสอบโควิด-19 ที่นานถึง 1 สัปดาห์ลงมามากว่าครึ่งเพื่อให้ได้ระดับที่ยอมรับได้ภายในเดือนก.ย.
ในวันเดียวกัน ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า รัฐที่มีผู้ติดเชื้อสูงอาจต้องเลื่อนการเปิดโรงเรียนออกไปอีก 2 – 3 สัปดาห์ แต่เขาพยายามผลักดันให้นักเรียนส่วนใหญ่สามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ภายในฤดูใบไม้ร่วง “ ต้องเปิดโรงเรียน” เขาระบุ
โรงเรียนกลายเป็นอีกประเด็นของความขัดแย้ง ในรัฐฟลอริดา สภาพครูได้ยื่นฟ้องเพื่อสกัดไม่ให้มีการเปิดโรงเรียน โดยในวันที่ 23 ก.ค.ฟลอริดามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึง 173 ราย
คณะกรรมการสาธารณสุขของฟลอริดาระบุก่อนหน้านี้ว่า ต้องเปิดโรงเรียนเดือนก.ค.นี้ แต่ผู้ว่าการรัฐ รอน เดอซานทิส จากพรรครีพับลิกันระบุว่า ผู้ปกครองควรมีทางเลือกที่จะให้ลูกๆอยู่บ้านมากกว่า
รัฐบาลทรัมป์ระบุว่า การเปิดโรงเรียนและเปิดดำเนินการธุรกิจให้เร็วขึ้นเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้รุดหน้าอีกครั้ง ซึ่งประเด็นนี้เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ด้วย
โดยทรัมป์ประกาศว่า เขาจะไม่จัดการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประะานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในเมืองแจ็คสันวิลล์ ฟลริดา เพราะมีการระบาดของไวรัส
“เวลาในช่วงนี้ไม่เหมาะสม ” เขากล่าว และระบุว่าจะมีการจัดการประชุมในรูปแบบออนไลน์แทน