‘ทรัมป์’หวังผลิตวัคซีนร่วมกับจีน
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับจีน หรือประเทศอื่นๆเพื่อผลิตวัคซีนโควิด -19 ที่ประสบความสำเร็จให้สหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันก็ตาม
“ เรามีความตั้งใจจริงที่จะทำงานกับใครก็ตามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ” ทรัมป์กล่าว เมื่อถูกถามว่ารัฐบาลจะทำงานร่วมกับจีนเพื่อผลิตวัคซีนให้กับชาวอเมริกัน ไม่ว่าจีนจะเป็นรายแรกที่พัฒนาวัคซีนได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม
หลังจากไม่ได้แถลงเกี่ยวกับไวรัสมานานหลายเดือน ประธานาธิบดีทรัมป์กลับมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกในวันที่ 21 ก.ค. โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขมาร่วมด้วย
นอกจากการกลับลำของทรัมป์ ที่หันมาประกาศสนับสนุนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อสู้กับโรคระบาดแล้ว เขายังกล่าวตำหนิคนหนุ่มสาวที่รวมตัวกันในบาร์และแพร่กระจายเชื้อไวรัสด้วย
เขาแถลงเกี่ยวกับวัคซีนหลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้น นักวิจัยระบุว่า มีวัคซีนจากจีนที่พัฒนาโดย Cansino Biologics และหน่วยวิจัยของกองทัพจีนดูจะปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากผลการศึกษาที่มีการจับตามองอย่างใกล้ชิดในระยะกลาง
โดยวัคซีนของ Cansino เป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการทดสอบกับคนในขั้นต้น ขณะที่วัคซีนตัวอื่นๆก็มีการเร่งทดสอบ รวมถึงวัคซีนจาก Moderna ของสหรัฐฯ และ BioNTech ของเยอรมนี ที่มีความร่วมมือกับบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯคือ Pfizer
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. มีการเผยแพร่ข้อมูลความสำเร็จจากการทดสอบในระยะแรกและระยะกลางของวัคซีนที่พัฒนาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford ร่วมกับบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษ – สวีเดนคือ AstraZeneca
ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวโทษจีนที่ล้มเหลวไม่สามารถสกัดการระบาดของไวรัส ซึ่งอุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน และตอนนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วสหรัฐฯ คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปกว่า 140,000 คน แต่ตอนนี้ เขากลับเร่งให้มีการพัฒนาวัคซีนให้เร็วที่สุดร่วมกับจีน
“ผมคิดว่าเรากำลังจะมีผลลัพธ์ที่ดีมาก เราทดสอบแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ ” ทรัมป์ระบุ “ ผมคิดว่าเรากำลังจะได้เห็นบางอย่างในช่วงเวลาสั้นๆ อาจจะสั้นมากๆ จากการทำงานกับนักวิจัย และได้วัคซีนที่ดีมากๆ”
ในวันที่ 21 ก.ค.ทรัมป์ยังคงเรียกว่า “ไวรัสจีน” แม้จะเปลี่ยนข้อความเกี่ยวกับการระบาดในสหรัฐฯ โดยระบุว่า “ สถานการณ์จะแย่ลงกว่านี้ ก่อนที่จะดีขึ้น” และสนับสนุนให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่ซึ่งไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้
“ ไม่ว่าคุณจะชอบสวมหน้ากากหรือไม่ มันส่งผลมาก ” เขากล่าว “ ผมเริ่มคุ้นเคยกับการสวมหน้ากากแล้ว”
เขาเสริม นับเป็นการกลับลำครั้งสำคัญของทรัมป์ จากที่เคยย้ำมานานหลายเดือนว่า การสวมหน้ากากเป็นประเด็นการเมืองที่มุ่งโจมตีเขา
ท่าทีของทรัมป์แสดงให้เห็นว่าทำเนียบขาวมีการขยับปรับเปลี่ยนวิธีการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาลกลาง โดยส.ส.และทำเนียบขาวเริ่มการต่อรองเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเฟสที่ 4