กำไร FedEx ดีเกินคาด
FedEx รายงานเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ถึงกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ดีเกินคาดการณ์จากดีมานด์ทั่วโลกที่แข็งแกร่งและปริมาณพัสดุที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลวันหยุดยาว แต่ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ในส่วนของธุรกิจ Dutch
บริษัท FedEx ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในเมมฟิส และมักถูกพิจารณาเป็นเหมือนเครื่องหมายชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระบุว่า การถูกโจมตีทางไซเบอร์ในส่วน TNT Express เมื่อเดือนมิ.ย.ทำให้กำไรของบริษัทในไตรมาสงบประมาณที่ 2 ลดลงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3,300 ล้านบาท)
โดยบริษัทปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบูรณาการ TNT Express จนถึงปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับที่เคยประเมินไว้เดิมคือ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทเข้าซื้อกิจการบริษัท Dutch ในปีที่แล้วด้วยมูลค่า 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เฟรด สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า FedEx สามารถสร้างสถิติได้อีกครั้งในช่วงเทศกาลส่งของขวัญปลายเดือนพ.ย. – ปีใหม่
โดยเอ็ดเวิร์ด โจนส์ นักวิเคราะห์ประจำ Logan Purk กล่าวว่า FedEx ทำได้ดีเกินคาด แต่มีบางอย่างที่ฉุดรั้ง เช่นค่าใช้จ่ายในการบูรณาการ TNT และกำไรโดยรวมในส่วนธุรกิจพื้นฐานที่ไม่หวือหวา
ทั้ง FedEx และคู่แข่งอย่าง United Parcel Service (UPS) ต่างใช้เงินลงทุนนับพันล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับโครงข่ายเพื่อรับมือกับปริมาณพัสดุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะในหลายสัปดาห์ก่อนเทศกาลคริสต์มาส
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon.com ซึ่งขยายกิจการเข้ามาในธุรกิจรับส่งของ
รายได้สุทธิประจำไตรมาสของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (25,575 ล้านบาท) หรือ 2.84 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น จากเดิมคือ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.59 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้นในปีก่อน
ผลประกอบการยังสะท้อนถึงประโยชน์ทางภาษีประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการดำเนินการในต่างประเทศและได้ประโยชน์จากผลกระทบด้านเชื้อเพลิง
การประเมินตลอดทั้งปีอาจมีตัวเลขที่ดีขึ้น โดยบริษัทหวังถึงกฎหมายการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลที่กำลังจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในไม่ช้า
โดยกฎหมายใหม่จะลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 21% จากเดิม 35% และจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า FedEx คาดการณ์ว่าอัตราภาษีใหม่ในปี 2561 จะช่วยลดภาษีของบริษัทลงได้ประมาณ 33%.