WHO กังวลติดเชื้อใหม่พุ่งสูงทั่วโลก
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่ทั่วโลกพุ่งสูงทำสถิติใหม่ในสัปดาห์นี้ ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 100,000 รายใน 24 ชม.ล่าสุด
โดยเกือบ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ใน 4 ประเทศเท่านั้น ดร.เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมาที่สำนักงานใหญ่ของ WHO ในเจนีวา “ เรายังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเผชิญในการระบาดครั้งนี้”
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากทวีปอเมริกา รองลงมาคือยุโรป จากรายงานของ WHO โดยสหรัฐฯรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 45,251 รายในวันที่ 19 พ.ค. ขณะที่รัสเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นอันดับสองด้วยตัวเลข 9,263 ราย
ทำให้ตอนนี้ รัสเซียมีผู้ติดเชื้อทะลุ 3 แสนรายไปแล้ว พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ จากรายงานของ WHO
ปัจจุบัน มีผู้ป่วยสะสมจากโควิด-19 ทั่วโลกเกือบ 5 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 325,000 ราย นับตั้งแต่ไวรัสอุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อเกือบ 5 เดือนก่อน จากข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส
ทาง WHO เตือนบรรดาผู้นำโลกว่า ธูรกิจจะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้ หลังการระบาดของโควิด-19 จบลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจร้ายแรงกับเกือบทุกประเทศทั่วโลก
ทาง WHO ชี้แจงกับทุกประเทศว่า จำเป็นต้องจัดการเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสำหรับอนาคตที่มองเห็นได้ เนื่องจากหลายประเทศมีจำนวนผู้ป่วยลดลง ขณะที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และกลับมาระบาดรอบใหม่ในหลายประเทศที่ดูจะควบคุมได้แล้วก่อนหน้านี้
แม้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในหลายประเทศเพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนาจะประสบความสำเร็จ แต่ไวรัสยังคง “เป็นอันตรายอย่างสูงสุด” จากรายงานของ WHO โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่า “ประชากรส่วนใหญ่ในโลกยังคงอ่อนแอ” หมายความว่าไวรัสจะสามารถกลับมาระบาดรอบใหม่ได้อีก
รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงทำสถิติมีขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะยกเลิกการให้งบประมาณสนับสนุนกับ WHO อย่างถาวร
ในระหว่างการแถลงข่าว ดร.ไมค์ ไรอัน ผอ.บริหารโครงการฉุกเฉินของ WHO ระบุว่า รู้สึกกังวลว่าจะกระทบกับโครงการฉุกเฉิน หากผู้นำสหรัฐฯทำตามคำขู่จริง เนื่องจากเงินบริจาคส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ ส่งไปถึงหลายประเทศทั่วโลกที่ประสบปัญหาและอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากโดยตรง
ดร.เทดรอสระบุว่า WHO กังวลมากเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง
เขายังได้กล่าวชื่นชมเกาหลีใต้ว่า “น่าประทับใจ” จากที่เคยมีประสบการณ์กับโรคเมอร์สมาก่อน ทำให้มียุทธศาสตร์เชิงรุกในการตรวจหา แยกกักตัว ทดสอบและดูแลผู้ป่วยทุกราย และติดตามสอบสวนโรคทุกราย
“ นี่เป็นภาวะวิกฤตสำหรับเกาหลีใต้ที่สามารถยุติการระบาดในรอบแรก และตอนนี้ก็เร่งสอบสวนโรคและควบคุมการระบาดรอบใหม่ ” เขากล่าว