ซาอุฯเตรียมลดอัตราว่างงาน
นายมูฟาเรจัล ฮัคบานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า รัฐบาลซาอุดิอาระเบียวางแผนสำหรับการตั้งโควต้าชุดใหม่สำหรับแรงงานและเพื่อลดตัวเลขการว่างงาน หลังจากมีความพยายามที่จะเเยกเศรษฐกิจของประเทศออกจากการส่งออกน้ำมัน
โดยแผนการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนในวงกว้างซึ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเจ้าชายมูฮัมมัด บิน ซัลมาน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของประเทศที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสร้างงานเพื่อประชาชนมาหลายปี
นายมูฟาเรจัล ให้สัมภาษณ์ว่า“ไม่น่าสงสัยเลยว่าปัญหาการว่างงานเป็นปัญหาที่น่ากลัว และพวกเราจะนำมาตรการทั้งหมดมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน การทดแทนตำแหน่งเดิมหรือแม้แต่การเพิ่มเป้าหมายในนโยบายซาอุดิเซชั่น”
เขาได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการสงวนงานบางประเภทให้แก่ประชาชนในประเทศและการบังคับให้ บริษัทจ้างแรงงานต่างชาติในอัตราค่าแรงที่สูงขึ้น
โดยจะลดอัตราคนว่างงานลง 7% ภายในปี พ.ศ.2573 และเพิ่มกำลังแรงงานหญิงให้ได้ถึง 30% จากเดิม 22% โดยทั้งหมดนี้อยู่ในแผนปฏิรูปเพื่อเป้าหมายของ เจ้าชายมูฮัมมัด
ภายใต้แผนของรัฐบาลที่มีชื่อว่า นิเตกวอท (หรือแปลว่า ประเภท) เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2554 โดยบริษัทแต่ละแห่งถูกกระตุ้นให้จ้างงานชาวซาอุฯ แทนที่จะจ้างแรงงานต่างชาติที่มีค่าจ้างที่ถูกกว่า บริษัทใดที่มีสัดส่วนการว่าจ้างชาวซาอุฯมากกว่าแรงงานต่างชาติจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากกระทรวงแรงงานในการออกใบอนุญาตทำงาน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จำนวนผู้ว่างงานอย่างเป็นทางการในซาอุฯคือ 11.6% และจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 49,000 คน ในปี พ.ศ.2558 เป็นการเพิ่มขึ้นที่ชะลอตัวที่สุดตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เมื่อรัฐบาลเริ่มลดงบประมาณเพราะราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
นายมูฟาเรจัล กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมยื่นมือช่วยเหลือทั้งทางอุปสงค์และอุปทานสำหรับตลาดแรงงาน “เราคาดการณ์ไว้ว่าเราต้องการตำแหน่งงานมากกว่า 1.1-1.3 ล้านตำแหน่งเพื่อลดการว่างงานให้ได้ถึง 7%”
เขากล่าวอีกว่า รัฐบาลวางแผนใหม่สำหรับนโยบายนิเตกวอท โดยจะไม่ให้ความสนใจที่ตัวเลขการจ้างงานในซาอุฯเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงปัจจัยอื่นๆด้วย เช่นการว่าจ้างแรงงานหญิง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย อัตราส่วนค่าจ้างระหว่างชาวซาอุฯและชาวต่างชาติ และการพัฒนาอาชีพสำหรับคนในท้องถิ่น
“นโยบายนิเตกวอทรูปแบบใหม่ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด ขึ้นอยู่กับจำนวนของประชาชนชาวซาอุฯ แต่ในอนาคตจะมีการรวมตัวแปรอื่นๆไว้ด้วย เราจะประกาศอีกครั้งภายใน 2 – 3 สัปดาห์ และจะมีผลภายใน 5 เดือน”
มีชาวต่างชาติราว 10 ล้านคนในซาอุดิอาระเบียที่เป็นแรงงานเสี่ยงอันตราย และได้รับค่าจ้างที่ต่ำจนไม่น่าเชื่อ และประมาณ 2 ใน 3 ของแรงงานซาอุฯ ถูกว่าจ้างโดยรัฐบาล
แต่ในเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่กำกับดูแลการผลักดันเศรษฐกิจต้องการที่จะให้การสร้างงานมาจากภาคเอกชน เนื่องจากรัฐบาลต้องปรับลดงบประมาณในยุคที่น้ำมันมีราคาถูกลง
แบบแผนใหม่ของนโยบาย นิเตกวอท อาจหมายถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นของแต่ละหน่วยงานในภาคเอกชน โดยตัวแทนภาคเอกชนมองว่า เป็นไปได้ยากที่จะพบชาวซาอุฯที่มีคุณสมบัติเหมาะสม พวกเขาจึงทำเพียงบันทึกแรงงานซาอุฯที่มีทักษะไม่ถึงเกณฑ์ว่า “แรงงานเถื่อน” ก่อนจะมุ่งหน้าว่าจ้างแรงงานต่างชาติจำนวนมากต่อไป