สหรัฐฯ ติดเชื้อทะลุ 5 แสน / ตายมากสุดในโลก
นิวยอร์ก : เมื่อวันที่ 10 เม.ย. สหรัฐฯมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากเกิน 500,000 ราย จากการประเมินของรอยเตอร์ โดยรัฐนิวยร์กเพียงรัฐเดียวมีผู้ติดเชื้อมากกว่าทุกประเทศในโลก
ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 – 35,000 รายต่อวันเนื่องจากมีการตรวจทดสอบไวรัสได้มากขึ้น โดยทั่วโลกจนถึงตอนนี้ มีผู้ป่วยยืนยันทั้งหมดกว่า 1.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 100,000 รายไปแล้วในวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้เป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 รายต่อวันในวันที่ 10 เม.ย. จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส
และด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 20,600 ราย ทำให้สหรัฐฯ แซงหน้าอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิตถึง 18,849 ราย กลายเป็นอันดับ 1 ของโลกที่ผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคระบาดนี้มากที่สุด
วันที่ 12 เม.ย. เป็นวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ และคาดการณ์ว่าจะมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่ต้องการฉลองในเทศกาลนี้ ทำให้ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในสหรัฐฯ ออกโรงเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลายมาตรการกักตัวของชาวอเมริกัน
“ ตอนนี้ ไม่มีเวลาที่จะอ่อนข้อแล้ว” เขากล่าว
แม้จะมีสถานการณ์ที่น่ากังวลขนาดนี้ แต่มีรายงานล่าสุดว่า โบสถ์หลายแห่งในสหรัฐฯเปิดให้มีกิจกรรมวันอีสเตอร์ และสำหรับเมืองที่โบสถ์ปิด ประชาชนก็ยังยืนยันที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองเทศกาลที่บ้าน
มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า จะมีงานหายไปถึง 20 ล้านอัตราในเดือนเม.ย. ก่อให้เกิดคำถามว่าจะมีการปิดธุรกิจและห้ามเดินทางนานแค่ไหน
โดยเมื่อวันที่ 9 เม.ย. รมว.ที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า พวกเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในเดือนพ.ค.นี้ รวมทั้งตัวผู้นำสหรัฐฯเองที่แสดงความเห็นว่า ควรเป็นเดือนพ.ค.ที่ธุรกิจในประเทศจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง
มีรายงานข่าวล่าสุดว่า ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่ถึงจุดพีคของการติดเชื้อโควิด – 19 จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะถึงจุดพีคของการระบาดในวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา