จีนเชื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.เจ้าหน้าที่รัฐระดับบริหารของจีนให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณการปรับตัวในเชิงบวกขณะที่เงินทุนไหลออกจากประเทศอยู่ในระดับพอควร จึงน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกครั้งหลังจากตลาดผันผวนมานาน
เจ้าหน้าที่บริหารระดับผู้นำของจีนยังได้กล่าวย้ำถึงความพยายามสร้างความมั่นใจในตลาดการเงินและประเทศคู่ค้าที่สำคัญของจีนว่า จีนจะสามารถรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ หลังจากตลาดหุ้นจีนดิ่งร่วงและมีการลดค่าเงินหยวน
นายจาง เกาลี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจระดับผู้นำว่า จากข้อมูลล่าสุดถึงต้นเดือนมี.ค. รวมถึงข้อมูลด้านการลงทุนในทรัพย์สินถาวรและการจ้างงาน แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังปรับตัวดีขึ้น โดยเขากล่าวว่า
“เราไม่ได้หนีความจริงที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลง แต่โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจจีนยังคงมีเสถียรภาพอยู่”
ผลผลิตในภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค.และเดือนก.พ.ขยายตัวน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในช่วงต้นเดือนมี.ค.
นายจู เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน กล่าวในการประชุมเดียวกันว่า เงินทุนไหลออกจากจีนส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกลงไปได้บ้าง
มีรายงานข้อมูลว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์ลดลงในเดือนก.พ.จากค่าเงินหยวนที่แข็งค่า และบางส่วนเกิดจากการคาดการณ์การถดถอยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา
นายเกา หูเช็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวในการประชุมว่า ตลาดการค้าเงินต่างประเทศมีการดีดกลับขึ้นมาครั้งใหญ่ในเดือนมี.ค.หลังจากดิ่งลงในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า เป็นงานยากของธนาคารกลางของจีนที่ยังต้องเผชิญกับปัญหาการสกัดเงินทุนไหลออกจากจีนอย่างต่อเนื่อง
รองนายกรัฐมนตรีจางกล่าวเพื่อยืนยันในท่าทีของจีนว่า รัฐบาลจะชิงกำหนดนโยบายเพื่อรักษาตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในขอบเขตที่เหมาะสม
นอกจากนี้ นายจางยังกล่าวเสริมว่า รัฐบาลยังจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงในตลาดหุ้น, มูลค่าหนี้, ตลาดเงินและตลาดอสังหาริมทรัพย์,ป้องกันและยับยั้งความเสี่ยงที่อาจแพร่กระจายข้ามไปมาในระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ จีนจะเดินหน้าปรับโครงสร้างด้านอุปทานเพื่อลดปริมาณการผลิตที่เกินกำลังในภาคอุตสาหกรรม โดยเน้นที่ภาคส่วนอุตสาหกรรมถ่านหิน เหล็ก อะลูมินั่มและกระจก
โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 6.5-7% ในปี 2559 ในปีที่แล้ว จีนมีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.9% ซึ่งเป็นการชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 25 ปี
รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นว่าจะกำหนดนโยบายการเงินที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในปีนี้และจะพึ่งพาการใช้จ่ายงบประมาณในภาครัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จะมีการลดภาษี เพื่อพยุงการขยายตัวทางเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาปัญหาจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ.