สหรัฐฯติดเชื้อเกิน 2.3 หมื่นคน / 1 ใน 4 ต้องอยู่บ้าน
นิวยอร์ก / วอชิงตัน (รอยเตอร์) – ชาวอเมริกัน 1 ใน 4 ของประเทศอยู่ภายใต้คำสั่งปิดร้านและอยู่บ้านตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ขณะส.ส.ในสภาสหรัฐฯ ใกล้บรรลุดีลที่จะอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนา
ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ทำตาม 4 รัฐที่มีการประกาศไปก่อนหน้านี้คือแคลิฟอร์เนีย , นิวยอร์ก , อิลลินอยส์และคอนเนคติกัต คือประกาศปิดรัฐเพื่อควบคุมการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ผู้ว่าการรัฐอื่นขอให้พลเมืองในรัฐของตนหลีกเลี่ยงการอยู่รวมกลุ่มกัน และยังไม่มีมาตรการคุมเข้มการเดินทาง
จนถึงวันที่ 21 มี.ค. มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 อย่างน้อย 26,747 รายในสหรัฐฯ และมีผู้เสียชีวิต 306 ราย จากข้อมูลของเว็บไซต์รัฐบาลท้องถิ่น
ในวอชิงตัน ผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการอัดฉีดเงินงบประมาณกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 32.66 ล้านล้านบาท ) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการทางการเงินจำนวนหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการอนุมัติก่อนหน้านี้เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เนื่องจากโรงพยาบาลต้องรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก ดร.แอนโธนี ฟอซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของรัฐบาลสหรัฐฯ ขอให้ชาวอเมริกันเลื่อนการผ่าตัดที่ไม่สำคัญออกไปก่อนเพื่อช่วยให้มีเตียงในโรงพยาบาลเพียงพอที่จะรักษาผู้ป่วย
รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังประสบปัญหาความล่าช้าในการวินิจฉัยโรค , ในการชะลอการแพร่เชื้อ และขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ที่ติดเชื้อ
ขณะที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ให้การรับรองชุดตรวจทดสอบไวรัสที่สามารถทราบผลตรวจใน 45 นาที แทนที่จะเป็นหลายวัน จากการเปิดเผยของ Cepheid บริษัทผู้ผลิต
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กระบุว่า ทางรัฐมีเครื่องช่วยหายใจ 6,000 เครื่องในการรักษาผู้ป่วย แต่ยังต้องการอีก 30,000 เครื่อง โดยเขาระบุว่า ทางรัฐได้ส่งหน้ากาก N95 จำนวน 1 ล้านชิ้นให้กับทางการนิวยอร์กซิตี้ น้อยกว่าที่ต้องการคือ 3 ล้านชิ้น
ในนิวยอร์กซิตี้ มีกว่า 6,000 รายที่ได้รับการตรวจ และยังมีอีกหลายสิบรายที่รอตรวจอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาลบรูคลิน “ นี่มันไม่มีเหตุผลเลย ถ้าพวกเขาไม่สบาย ไม่มีแรงพอที่จะยืนเข้าคิว ก็ควรพักอยู่บ้าน ไม่ต้องตรวจ และต้องออกไปจากที่นี่ ” มาร์ค เลอวีน สมาชิกสภาเมืองระบุในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
รัฐนิวเจอร์ซีย์ที่อยู่ติดกันเป็นรัฐล่าสุดที่มีการประกาศให้พลเมืองอยู่บ้าน ยกเว้นแต่การออกไปซื้อของชำ ร้านขายยา สถานีบริการน้ำมัน และ “ธุระอื่นที่สำคัญ”
คำสั่งให้อยู่บ้านมีผลกับประชากร 84 ล้านคนในหลายรัฐ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่รัฐอื่น ๆ ขอให้พลเมืองลดกิจกรรม แต่ยังไม่กำหนดให้อยู่แต่บ้าน แต่รัฐมิซูรีสวนทางกับรัฐอื่น คืออนุญาตให้สถานรับเลี้ยงเด็กรับเด็กได้มากขึ้น
ผู้ว่าการคูโอโมระบุว่า นิวยอร์กจะสั่งปรับและปิดธุรกิจที่ละเมิดคำสั่ง ขณะที่ลอรี ไลท์ฟุต นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโกระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะว่ากล่าวตักเตือนให้ประชาชนกลับบ้าน
ในเมืองริดจ์ฟีลด์ รัฐคอนเนคติกัต ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 6 รายเมื่อวันที่ 21 มี.ค. รูดี มาร์โคนี เจ้าหน้าที่ในเมืองระบุว่า เขาให้ตำรวจช่วยหยุดเกมการแข่งขันบาสเกตบอลของกลุ่มวัยรุ่น
“ เราไม่มีเครื่องมือหรืออำนาจอะไร เราต้องพึ่งพาการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)”