ไฟป่าออสเตรเลียยังคุมไม่อยู่
ซิดนีย์ : เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ไฟป่าออสเตรเลียในบริเวณชายฝั่งตะวันออกลุกโหมอันตรายจนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ อุณหภูมิสูงและลมแรงทำให้นักผจญเพลิงต้องต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อปกป้องช่วยชีวิตผู้คนและทรัพย์สิน
ทางการระบุว่า สภาพที่เลวร้ายที่สุดยังไม่เกิดขึ้น โดยในช่วงบ่ายของวัน ที่รัฐวิคทอเรีย มีการเตือนภัยไฟป่า 17 จุดเป็นระดับฉุกเฉิน หรือระดับที่ให้อพยพ และในรัฐนิวเซาธ์เวลส์มีการเตือนภัย 12 จุด โดยมีเหตุไฟป่าที่ยังปะทุกว่า 100 จุดทั่วทั้งรัฐ
“ เราอยู่ในช่วงกลางคืนที่ยาวนานและเรายังคงได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด ” Gladys Berejiklian ผู้ว่าการรัฐนิวเซาธ์เวลส์ระบุในการแถลงข่าวช่วงบ่าย “ เป็นสถานการณ์ที่ผันผวนมากๆ ”
ทางการระบุว่าสภาพอาจเลวร้ายกว่าช่วงคืนก่อนปีใหม่ ซึ่งไฟเผาผลาญทำลายพื้นที่จำนวนมาก และบีบให้ประชาชนหลายพันคน และนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดต้องอพยพลี้ภัยบนชายหาด
Rural Fire Service ( RFS) ของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ออกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินไฟป่า โดยย้ำซ้ำๆถึงคำแนะนำเดิมๆ ไปถึงผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ไม่ยอมอพยพ “ สายเกินไปที่จะอพยพ โปรดหาที่กำบังขณะที่ไฟโหมเข้ามา”
RFS ระบุว่า ไฟที่กำลังลุกไหม้ทางใต้ของรัฐ ทำให้เกิดพายุฟ้าคะนอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอัน
ตรายเพิ่มขึ้นจากฟ้าผ่า เพราะฟ้าผ่ายิ่งทำให้เกิดไฟป่าปะทุมากขึ้นอีก
ประชาชนในพื้นที่ใช้โซเชียลมีเดียโพสต์ภาพท้องฟ้าที่กลายเป็นสีดำและสีแดงจากควันและเปลวเพลิงไฟป่า ในเมืองมอลลาคูตาของรัฐวิคทอเรีย ซึ่งมีผู้อพยพทางทะเลประมาณ 1,000 รายเมื่อวันที่ 2 ม.ค.
รัฐบาลกลางประกาศขอกำลังเสริมจากกองทัพเพื่อสนับสนุนนักผจญเพลิง รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ
โดยเป็นทหารเรือประมาณ 1 ใน 3 เพื่อเข้าบรรเทาภัยและให้การช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม
อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 45 องศาเซลเซียสในพื้นที่ส่วนใหญ่ของตัวเมืองซิดนีย์ ขณะที่เมืองเพนริธมีอุณหภูมิสูงถึง 48.9 องศาเซลเซียส จากรายงานของกรมอุตินิยมวิทยา
ขณะที่กรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของประเทศ มีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียส ซึ่งจัดว่าสูงเป็นประวัติการณ์ในเมืองนี้
ประชาชนและนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจากหลายพันคนที่ตกค้างบนชายหาดในเมืองมอลลาคูตาเดินทางมาถึงใกล้เมืองเมลเบิร์นในช่วงเช้าของวันที่ 4 ม.ค. หลังจากต้องเดินทางบนเรือนานถึง 20 ชั่วโมง ขณะที่เรือลำใหญ่กว่า ซึ่งจุผู้โดยสารได้ประมาณ 1 พันคน มีกำหนดจะเดินทางมาถึงในช่วงบ่ายของวันที่ 4 ม.ค.
ทางการระบุว่า สิ่งที่มุ่งเน้นในวันที่ 4 ม.ค. คือการป้องกันไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตมากขึ้น มีการปิดอุทยานแห่งชาติ และกระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางชายฝั่งตอนใต้ของรัฐนิวเซาธ์เวลส์และทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐวิคทอเรียอพยพออกมาเร็วขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยทั้งสองพื้นที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดในช่วงพีคของวันหยุดฤดูร้อนในออส
เตรเลีย
นายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสันระบุว่า จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตในฤดูไฟป่า ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนก.ย.สูงถึง 23 รายแล้ว โดยเขายืนยันว่าได้ยกเลิกแผนการเยือนอินเดียและญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือนม.ค.แล้วจากสถานการณ์ไฟป่า